ใครจะเชื่อว่า ‘Barbie’ ไอคอนตุ๊กตาแฟชั่นจะสร้างนิยามตุ๊กตารักทะเลผ่านคอลเล็กชันล่าสุด ‘Barbie Loves the Ocean’ ที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิลทั้งหมด และเราก็คงนึกไม่ถึงว่าแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดอย่าง ‘Burger King’ จะทำเบอร์เกอร์จากพืช 100% ในชื่อเมนู ‘Plant-Based Whopper’
นี่อาจเป็นสัญญาณว่า eco-friendly กำลังจะกลายเป็นเทรนด์ที่คนทำธุรกิจต้องจับตามอง เพราะหลายแบรนด์หันมานำเสนอภาพลักษณ์ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและดีต่อสุขภาพอย่างเห็นได้ชัด
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ทำไม eco-friendly ถึงกลายมาเป็นเทรนด์ทำการตลาดยุคนี้
คนยุคนี้สนใจหรือมองหาอะไรอยู่
แม้ว่าประเด็นสิ่งแวดล้อมจะถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางเมื่อปี 2019 แต่กระแสรักษ์โลกได้กลายมาเป็นสิ่งที่คนทั่วโลกให้ความสนใจมากกว่าเดิม เพราะไม่เพียงกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวเรื่องนี้ แต่ยังนำมาสู่การลงมือทำทุกภาคส่วน ทั้งระดับตัวบุคคล องค์กร และแบรนด์สินค้าที่หันมาจับทางการตลาดสีเขียวมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นั่นก็เพราะประเด็นสิ่งแวดล้อมที่หลายคนพบเจอทุกวันนี้เป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าเดิม เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มันไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องน้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลายและหมีขั้วโลกกำลังจะตาย แต่กลับสะท้อนภาพกองขยะอันเกิดจากการใช้ชีวิตของมนุษย์ ยิ่งเกิดโรคระบาดด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ตระหนักถึงความปลอดภัยและความสะอาดของสิ่งแวดล้อมที่ย้อนกลับมาหาตัวเรา หากทุกคนดูแลทุกอย่างรอบตัว ก็จะมีอากาศดีๆ ให้หายใจ มีแหล่งธรรมชาติสวยงามได้ใช้เวลาพักผ่อน และอีกหลายอย่างที่ช่วยต่อชีวิตเราให้มีสุขภาพดีตามไปด้วย
นี่เองที่ทำให้คนหันมาซื้อสินค้าที่มีแพ็กเก็จรีไซเคิลได้หรือมักเลือกกินของออร์แกนิกมากขึ้น โดย gen Z ถือเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ซื้อผลิตภัณฑ์อาหารออร์แกนิกมากขึ้นกว่าปีก่อนประมาณ 27% เมื่อเทียบกับกลุ่มบูมเมอร์ที่ซื้ออาหารออร์แกนิกเพียง 16%
หากมองอีกมุมหนึ่ง ก็ทำให้เห็นว่าผู้คนเน้นบริโภคเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น บลูมเบิร์กและเคเดนซ์ได้ทำวิจัยทางการตลาดเกี่ยวกับเทรนด์ผู้บริโภคปี 2021 เผยให้เห็นว่า หนึ่งในเทรนด์ที่จะมาในปีนี้ก็มีเรื่องการดูแลสุขภาพด้วย ผู้คนให้ความสำคัญการดูแลสุขภาพตัวเองและครอบครัว โดยเชื่อว่าอาหารที่กินเข้าไปล้วนส่งผลต่อสุขภาพ จึงไม่แปลกที่คนจะเลือกซื้อของกินหรือเครื่องดื่มที่ช่วยเสริมความแข็งแรงร่างกาย เสาะหาวัตถุดิบและวิธีการกินที่คิดว่าเป็นประโยชน์ รวมทั้งเลี่ยงใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเคมี
แล้วแบรนด์ปรับตัวอย่างไรบ้าง
แม้ว่าหลายคนจะยอมจ่ายเงินให้กับสินค้าที่ได้ชื่อว่า “เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” แต่ต้องยอมรับว่าสินค้า eco-friendly มักมีราคาสูง ทำให้อีกหลายคนอาจหยุดคิดก่อนจะซื้อเสมอ ดังเห็นได้จากกลุ่มผู้บริโภคในประเทศเกาหลีใต้ รัสเซีย เนเเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น อิสราเอล หรือฮ่องกง ในขณะเดียวกัน กลุ่มผู้บริโภคในไทยก็ให้ความสำคัญกับคุณค่าและความคุ้มค่าเมื่อจะซื้อของสักอย่าง เพราะคนจะเน้นเก็บเงินมากขึ้นเป็นสองเท่าหลังเผชิญวิกฤตทางเศรษฐกิจจากโรคระบาดครั้งนี้
แบรนด์จึงต้องตีโจทย์ให้แตกว่า “จะทำสินค้า eco-friendly ที่ทำให้คนรู้สึกคุ้มค่าที่จะซื้อได้อย่างไร” เราจึงมักได้เห็นวิธีทำการตลาดสีเขียวช่วงนี้ที่มีกิมมิกมากขึ้น เริ่มจากคอนเซ็ปต์ที่ก่อมลพิษน้อย อย่างการใช้วัสดุรีไซเคิลหรือทำกระบวนการผลิตที่ไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสัตว์และสิ่งแวดล้อม
Lacoste แบรนด์เครื่องแต่งกายสัญชาติฝรั่งเศสออกเสื้อโปโลรุ่น “LOOP POLO” ผลิตจากผ้าฝ้ายรีไซเคิล 30% ซึ่งเป็นผ้าส่วนที่เกินจากการผลิตอื่น นำมาผสมกับฝ้ายบริสุทธิ์อีก 70% ช่วยส่งเสริมการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน หรือ Onitsuka Tiger แบรนด์แฟชั่นจากญี่ปุ่นเองก็ร่วมกับแบรนด์ Doitung ของไทย ออกคอลเล็กชันรองเท้าภายใต้แนวคิด sustainability โดยนำรองเท้ารุ่นไอคอนมาผลิตใหม่ด้วยผ้าทอมือและใช้ด้าย PET รีไซเคิลจากพลาสติก 100% มาเย็บรองเท้า หากมองอีกมุมหนึ่ง ก็ถือเป็นการปรับตัวของอุตสาหกรรมแฟชันที่หันมาชู “คุณค่า” ของสินค้าให้โดดเด่นกว่า”มูลค่า” เพื่อให้ขายได้ในช่วงเวลาที่ผู้คนไม่ได้ต้องการของแพงหรือของหรูหรา
นอกจากนี้ สินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภคเองก็หันจับทางการตลาดสีเขียวมากขึ้น โดยนอกจากจะสร้างทางเลือกให้ผู้บริโภคด้วยตัวสินค้าแล้ว ยังเดินหน้าจัดแคมเปญที่สร้างการรับรู้ด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น
ยูนิลีเวอร์ – วางแผนเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ในเครือมาเป็นขวดกระดาษ เริ่มทดลองจากแบรนด์ OMO โดยเลือกใช้เยื่อกระดาษที่มาจากแหล่งผลิตสร้างความยั่งยืนให้สิ่งแวดล้อม และจะเปิดตัวใช้ขวดดังกล่าวในบราซิลปี 2022 รวมทั้งตั้งเป้าลดการใช้บรรจุภัณฑ์จากพลาสติก 100% และเพิ่มการใช้วัสดุรีไซเคิลอย่างน้อย 25% ภายในปี 2025
เนสเพรสโซ – จัดแคมเปญเชิญชวนผู้บริโภคส่งคืนแคปซูลกาแฟที่ใช้แล้วเพื่อนำไปรีไซเคิล และกิจกรรมปลูกผักจากกากกาแฟแคปซูลที่ใช้แล้ว ซึ่งถือเป็นการดำเนินธุรกิจแบบ The Positive Cup ช่วยลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรที่ปลูกกาแฟ
การ์นิเย – ยกระดับแบรนด์เป็น Green Beauty และ Cruelty Free โดยเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและพัฒนาสูตรเครื่องสำอางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ทดลองกับสัตว์ ใช้พลังงานทดแทนในการผลิต รวมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ เช่น ร่วมกับวัตสันจัดทำจุดเก็บขวดพลาสติกมารีไซเคิล ทำสื่อประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตและสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนวัสดุตรงจุดจำหน่ายสินค้าให้เป็นวัสดุที่ทำจากกระดาษทั้งหมด 500 จุด เป็นต้น
นี่ถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ทำให้เห็นพลวัตการทำตลาดของแบรนด์ที่ต่างไปจากเดิม นอกจากการปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้คนแล้ว การตลาดสีเขียวหรือเทรนด์ eco-friendly ยังทำให้เราเห็นแบรนด์ที่ออกมา take action ในฐานะผู้ที่มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้นด้วย แน่นอนว่าแบรนด์ที่จะเดินหน้ารักษาฐานลูกค้าเดิมและสร้างฐานลูกค้าใหม่ได้ ก็ต้องแสดงจุดยืนที่ทำให้ผู้บริโภคเห็นและรู้สึกว่าได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลงของชุมชนให้ดีขึ้น
อ้างอิงจาก :
https://kadence.com/consumer-trends-in-asia-2021-summary…/
https://blog.gwi.com/trends/green-consumerism/
https://blog.gwi.com/chart…/sustainability-necessity-2021/
https://www.sanook.com/men/73445/
https://www.sanook.com/women/177045/
https://web.facebook.com/brandbuffet/posts/4105345379522090
https://www.thansettakij.com/content/strategy/483960
https://women.trueid.net/detail/Ozm4J8wlxbYa
Content by Piyawan Chaloemchatwanit
#Brief #business #TheMATTER