แพทย์คาดการณ์ว่า สถานการณ์การระบาดของสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ในไทยอาจหนักขึ้นในอีกช่วง 2-3 สัปดาห์ จึงเป็นเรื่องที่น่าทบทวนถึงแนวทางของต่างชาติ ที่ประสบกับเชื้อกลายพันธุ์นี้เช่นกัน ว่าพวกเขารับมือกับมันอย่างไร
The New York Times เรียกการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตาว่า “ฝันร้ายที่กำลังกลับมา” หลังงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า สายพันธุ์เดลตาสามารถแพร่กระจาย ได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่าตัว ในขณะที่หลายประเทศกำลังหาแนวทางรับมือกับมัน แต่บางประเทศกำลังพบว่า พวกเขาเข้าใกล้กับการล่มสลายทางระบบสาธารณสุขขึ้นเรื่อยๆ
หากย้อนดูสถานการณ์การแพร่ระบาด ของเดลตาในสหราชอาณาจักรจะพบว่า มันเคยเป็นเชื้อกลายพันธุ์ที่ระบาดในวงแคบ ก่อนที่ในปัจจุบันนี้ 90 เปอร์เซ็นต์ของการติดเชื้อในสหราชอาณาจักร เกิดขึ้นจากสายพันธุ์เดลตา โดยทางการสหราชอาณาจักรพบว่า เชื้อเดลตามักแพร่ระบาดในหมู่คนอายุน้อย และคนอายุมากที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
สหราชอาณาจักรตัดสินใจเร่งการฉีดวัคซีน ในผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป ให้เร็วและมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อหวังว่าอย่างน้อย พวกเขาจะสามารถหยุดหรือทุเลา การแพร่ะระบาดของสายพันธุ์เดลตาได้ โดยปัจจุบัน กว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใหญ่ในสหราชอาณาจักร ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว อย่างไรก็ดี สหราชอาณาจักรยังไม่มีการอนุญาตให้ฉีดวัคซีนในเด็ก
นอกจากนี้ งานวิจัยของสาธารณสุขอังกฤษพบว่า การฉีดวัคซีนครบโดสของ Pfizer และ AstraZeneca มีประสิทธิผลสูง ในการป้องกันการป่วยเข้าโรงพยาบาล จากสายพันธุ์เดลตาได้ โดยกระทรวงสาธารสุขของสหราชอาณาจักร ขอร้องให้ประชาชน รีบออกมารับวัคซีนโดสที่ 2 หากถึงคิวการฉีด
ด้านฝรั่งเศสเอง ได้มีการประกาศยกระดับการกักตัวและควบคุมสถานการณ์ที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยพวกเขาพบว่า กว่า 20 เปอร์เซ็นต์ คือ เชื้อเดลตาที่กำลังแพร่ะระบาดอยู่ในประเทศ และมันมีท่าทีที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เยอรมนีพบว่า การติดเชื้อกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ในประเทศ คือ การแพร่ระบาดของเชื้อเดลตา โดยทั้งสองประเทศได้ออกมาตรการกักตัวนักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักรแล้ว
หลายประเทศในยุโรปเห็นตรงกันว่า พวกเขาจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเร่งฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อเดลตา ยังไม่นับรวมถึงสายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) ที่บางงานวิจัยระบุว่า AstraZeneca มีประสิทธิภาพไม่มากพอจะป้องกันมันได้ โดยยังต้องรอผลวิจัยที่มากพอ เพื่อให้มีคำตอบยืนยันที่แน่ชัด
นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์เดลตา ในอีก 2-3 สัปดาห์หน้าของไทย มีแนวโน้มว่าจะหนักขึ้น โดยในแค่สัปดาห์ที่ผ่านมา กรุงเทพฯ มีผู้ป่วยใหม่รายวันเพิ่มขึ้นถึง 77 เปอร์เซ็นต์ โดยมีการพบว่า เชื้อเดลตาที่ทำให้เกิดการระบาดระลอก 4 เกิดขึ้นเร็วกว่าที่เคยคาดไว้ ซึ่งมันอาจระบาดเพิ่มเป็น 60-70 เปอร์เซ็นต์ ใน 2-3 สัปดาห์หน้า โดยจะทำให้มีผู้ป่วยหนัก ICU และผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นกว่าในตอนนี้ นพ.มานพ ระบุว่าทิ้งท้าย ถึงการคาดการณ์ของตนว่า “หวังว่าจะคาดผิด”
ในหลายประเทศของยุโรป เห็นแนวทางของการเร่งการฉีดวัคซีนที่มีคุณภาพ ว่ามันจะเป็นทางออก ของการปกป้องประชาชนของตัวเอง จากเชื้อกลายพันธุ์เดลตาได้ ในขณะที่บางประเทศที่ไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้มากเพียงพอ กำลังประสบกับการล่มสลายทางระบบสาธารณสุข
อินโดนีเซีย กำลังมีการแพร่ระบาดของเชื้อเดลตาอย่างหนัก ในขณะที่พวกเขามีการฉีดวัคซีนครบโดสในประชาชนไปแค่เพียง 5 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับอินเดีย ที่มีผู้เสียชีวิตจากสายพันธุ์กลายพันธุ์เดลตา ไปแล้วกว่า 2 แสนราย คำถามจึงย้อนกลับมาว่า แล้วประเทศไทยเอง เตรียมรับกับการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตา ได้มากเพียงพอแล้วหรือยัง
อ้างอิงจาก
https://www.cnbc.com/2021/06/28/how-the-uk-with-the-delta-variant-is-a-blueprint-for-the-us.html
https://www.cnbc.com/2021/06/30/the-delta-variant-is-spreading-in-europe-and-cant-be-stopped.html
#Brief #TheMATTER