ในช่วงหลังแนวคิดเรื่อง ‘Less is more’ เริ่มแทรกซึมไปในวงการต่างๆ ไม่เว้นแต่การทำงานออฟฟิศ หลังหลายประเทศเริ่มสนใจการลดเวลาทำงาน เพื่อให้พนักงานสร้างสมดุลการใช้ชีวิตมากขึ้น รวมถึงไอซ์แลนด์ ที่เริ่มโครงการทดลองทำงาน 4 วัน มาตั้งแต่ปี ค.ศ.2015 ก่อนจะพบว่ามันประสบความสำเร็จอย่างมาก
สถาบัน Autonomy และสมาคมเพื่อความยั่งยืนและประชาธิปไตย (Alda) ของประเทศไอซ์แลนด์ ได้เริ่มโครงการลดเวลาทำงาน โดยนำอาสาสมัครจำนวน 2,500 คน (ซึ่งเป็น 1% ของประชากรทั้งหมด) ที่เป็นพนักงานในอุตสาหกรรมต่างๆ มาลดเวลาทำงานจาก 5 วันเหลือ 4 วัน หรือบางบริษัทลดลงเวลาทำงานจาก 40 ชม. เหลือ 35 ชม. โดยไม่ลดค่าจ้าง โดยการทดลองนี้ทำขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.2015 – ค.ศ.2019
นอกจากปรับเปลี่ยนเวลา ยังมีการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมการทำงาน เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในระยะเวลาที่จำกัดลง เช่น จำกัดเวลาประชุม ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน และจัดระเบียบกะทำงานใหม่
หลังทดลองนานกว่า 4 ปี พนักงานหลายคนบอกตรงกันว่า ความเป็นอยู่ในชีวิตนั้น “ดีขึ้นมาก” พวกเขาเครียดน้อยลง และสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงานได้มากขึ้น เมื่อพนักงานงานมีความสุข ผลงานที่ออกมาก็ยิ่งมีคุณภาพมากขึ้นด้วย นั่นทำให้เหล่านายจ้างพึงพอใจ แม้ไม่ต้องเห็นหน้าพนักงานครบ 5 วันต่อสัปดาห์
วิล สตรอง (Will Stronge) ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Autonomy กล่าวว่า การศึกษานี้แสดงให้เห็นแล้วว่าการลดเวลาทำงานไม่ได้ส่งผลกระทบในเชิงคุณภาพอย่างที่คิด ซึ่งอาจทำให้หน่วยงานรัฐหลายแห่งปรับเปลี่ยนมาลดเวลาทำงานลง เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์โลกตอนนี้
หลังผลการศึกษาออกมาในทางบวก สหภาพแรงงานของไอซ์แลนด์เริ่มผลักดันให้องค์กรต่างๆ ปรับเปลี่ยนแบบใหม่ โดยนักวิจัยบอกว่า ประมาณ 86% ของแรงงานทั่วประเทศ น่าจะปรับเปลี่ยนมาลดชั่วโมงทำงานในอนาคต
อ้างอิงจาก
https://globalnews.ca/news/8005603/four-day-work-week-iceland/
https://www.bbc.com/news/business-57724779
#Brief #TheMATTER