ระหว่างติดตาม ‘ข่าวใหญ่’ โรงงานของบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ในซอยกิ่งแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เกิดไฟไหม้และระเบิดขึ้นมา ตอนตีสามของวันที่ 5 ก.ค.2564 จนทำให้บ้านเรือนโดยรอบรัศมี 5 กิโลเมตร ได้รับความเสียหายนับร้อยหลัง
สงสัยกันไหมว่า ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับที่พักอาศัยของเรา เราจะไปเรียก ‘ค่าเสียหาย’ จากใคร และด้วยวิธีการใด
เพื่อคลายข้อสงสัย รายการ #มาเถอะจะคุย EP.18 ในวันที่ 7 ก.ค.2564 ของ The MATTER x จอมขวัญ จึงชวนนภัสนันท์ พรรณนิภา ซีอีโอบริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด และทนายโจ-อัครพล เถื่อนผึ้ง จากเพจทนายตัวแสบ มาให้คำตอบ
นภัสนันท์บอกว่า อย่างแรกเลย ต้องไปดูว่า ทางโรงงานทำประกันภัยอย่างไรไว้บ้าง ซึ่งจากข้อมูลที่ออกมา คือทำประกันโรงงานไว้ 400 ล้านบาท แต่กรมธรรม์ที่คุ้มครองบุคคลภายนอกมีเพียง 20 ล้านบาท ซึ่งไม่น่าจะเพียงพอกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ หากบ้านหลังไหนทำประกันภัยไว้ อยากให้ไปปรึกษากับนายหน้าที่รับทำประกันให้ก่อน ซึ่งตามปกติแล้วบ้านที่ซื้อด้วยเงินกู้จากธนาคาร มักจะถูกธนาคารชวนทำประกันภัยไว้ด้วย ต่างกับการซื้อเงินสดซึ่งอาจไม่ได้ทำประกัน ซึ่งต้องไปประสานให้หน่วยงานรัฐอย่าง คปภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) สายด่วน 1186 เข้ามาช่วยเหลือ
“หลายคนที่ทำประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย อาจไม่รู้ว่ากรมธรรม์จะคุ้มครองกรณีเหตุระเบิดด้วย เมื่อก่อนจะคุ้มครองแค่กรณีแก๊สหุงต้มระเบิดเท่านั้น แต่หลังเกิดเหตุโรงงานลำไยอบแห้งที่ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ระเบิดในปี พ.ศ.2542 ก็มีการกำหนดให้เพิ่มความคุ้มครองตรงนี้ไปด้วย และได้ใช้ครั้งแรกๆ ในเหตุการณ์คลังแสงของกรมสรรพาวุธทหารบกที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ระเบิดในปี พ.ศ.2544” ซีอีโอบริษัท ทีคิวเอ็มฯ ระบุ
ทนายโจ-อัครพล กล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ อยากแรกเลยอยากให้ถ่ายรูปหรือวีดิโอเก็บหลักฐานไว้มากๆ ตนมีเพื่อนที่มีบ้านอยู่ห่างจากโรงงานหมิงตี้แค่ 300 เมตร พบว่าเสียหายทั้งตัวบ้าน หลังคา เฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงโรงรถ แค่หลังเดียวก็น่าจะหลักล้านบาทแล้ว ดังนั้นที่โรงงานทำประกันความเสียหายบุคคลภายนอกไว้เพียง 20 ล้านบาทจึงไม่น่าจะพอแน่ๆ นอกจากนี้ ยังอาจมีความเสียหายอื่นๆ เช่น เรื่องกลิ่นและสารเคมีตกค้าง ซึ่งอาจทำให้พักอาศัยในบ้านหลังดังกล่าวไม่ได้เป็นปี
“ตามปกติแล้ว ทางโรงงานน่าจะส่งตัวแทนมาสำรวจความเสียหาย ซึ่งหากบ้านไหนทำประกันภัยไว้ ก็อยากให้เคลมกับทางนายหน้าไปก่อน เรื่องนี้ให้ประกันคุยกันน่าจะง่ายที่สุด แล้วเราก็นั่งนิ่งๆ รอให้เขามาซ่อม ให้เขาไปไล่เบี้ยกันเอง ถ้าไม่ได้จริงๆ ถึงค่อยไปหาทนายความฟ้องร้องต่อไป” แอดมินเพจทนายตัวแสบกล่าว
ทนายโจ-อัครพล ยังกล่าวว่า สำหรับคนที่ทำประกันไว้อยากให้ติดต่อนายหน้า สำหรับคนที่ไม่ทำประกัน อาจต้องติดต่อไปทาง คปภ. ซึ่งได้ยินมาจากกรณีนี้เขาจะมาเป็นเจ้าภาพเจรจาให้ ถ้าไม่พอใจตัวเลขค่อยไปฟ้องต่อ แต่จากประสบการณ์ที่เคยฟ้องเรียกค่าเสียหายมา แทบไม่เคยได้ตัวเลข 100% ที่ขอไปเลย จึงอยู่ที่ว่าเราพอใจตัวเลขไหน
นภัสนันท์กล่าวปิดท้ายว่า กรณีนี้ที่เสียหายไม่ใช่แค่บ้านเรือน แต่รวมถึงรถยนต์ด้วย ซึ่งก็จะได้รับการชดเชยเช่นกัน ต้องแต่ต้องทำประกันภัยชั้น 1 เอาไว้เท่านั้น
ถือเป็นอีกหนึ่งความรู้ทางกฎหมายที่รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย เผื่อวันหนึ่งอาจเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นกับตัวเราหรือคนในครอบครัว จะได้มีข้อมูลเบื้องต้นไว้ตัดสินใจว่าจะดำเนินการใดๆ ต่อไป
#Brief #TheMATTER