มีหลักฐานบ่งบอกว่า วัคซีนที่ไทยใช้อยู่ไม่สามารถรับมือ กับเชื้อเดลตาได้มากพอ จนล่าสุดเพิ่งมีบุคลากรด่านหน้า ที่ได้รับวีคซีน Sinovac ครบโดส เสียชีวิตลงจาก COVID-19 ทำให้มีแพทย์ออกมาเรียกร้องว่า รัฐควรเร่งฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้บุคลากรด่านหน้า ในการรับมือกับสถานการณ์วิกฤตต่อไป
นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ระบุว่า ทางแพทย์และบุคลากรด่านหน้า ขอเรียกร้องให้มีการฉีดวัคซีนกระตุ้นในเข็มที่ 3 ให้แก่พวกเขา เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้ มีโอกาสจะเจอผู้ติดเชื้อ ทั้งที่มีและไม่มีอาการอยู่ตลอดเวลา โดยถ้าหากแพทย์และบุคลากรด่านหน้าติดเชื้อ ก็มีโอกาสแพร่เชื้อให้ผู้อื่นทั้งผู้ป่วยและเพื่อนร่วมงาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบกันเป็นวงกว้าง
นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า หากแพทย์และบุคลากรด่านหน้าติด COVID-19 จะทำให้ผู้อื่น ทั้งผู้ป่วยและเพื่อนร่วมงาน เกิดปัญหาหนักตามมา คือ เมื่อเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด บุคคลต่างๆ ที่ว่ามา ต้องหยุดงานพักตัว กักตัว ซึ่งหากเป็นผู้ป่วยอื่นๆ นอกเหนือจาก COVID-19 ก็จะกระทบการรักษาโรคนั้นๆ ไปด้วย โดย นพ.ธีระวัฒน์ ย้ำว่าการฉีดเข็ม 3 ให้บุคลากรสาธารณสุข ไม่ใช่เรื่องการใช้อภิสิทธิ์ใดๆ แต่เป็นเรื่องการช่วยชีวิตคนในวงกว้าง
วัคซีน Sinovac ที่ฉีดครบโดส 2 เข็ม จะทำให้ร่างกายผลิตภูมิต้านทานอยู่ได้ประมาณ 30 วัน นพ.ธีระวัฒน์ ระบุว่า ที่ผ่านมาไม่ค่อยเห็นบุคลากรทางสาธารณสุข มีการติดเชื้อมากเท่าไหร่ ส่วนที่ติดเชื้อก็มีอาการไม่ค่อยมาก แต่จะส่งผลเสียคือ เมื่อไม่มีอาการแสดงก็อาจแพร่เชื้อไปให้คนอื่นได้ ซึ่งมักเป็นปริมาณเชื้อไวรัสในจำนวนสูง
จนในระยะต่อมา นพ.ธีระวัฒน์กล่าวว่า เริ่มมีการพบบุคลากรทางสาธารณสุขติดเชื้อกันมากขึ้นเรื่อยๆ แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝึกหัดที่เพิ่งจบการอบรม ที่กำลังจะไปทำงานในต้นสังกัดที่ต่างจังหวัด กลับมีการพบการติดเชื้อเช่นกัน โดยอาการเริ่มดูเหมือนจะเห็นได้ชัดเจนขึ้น จากการเริ่มมีอาการปอดอักเสบ แต่ไม่ถึงกับมีอาการหนัก หรือเสียชีวิต และจนกระทั่งเกิดเหตุสลดล่าสุด ที่มีบุคลากรด่านหน้าเสียชีวิตจาก COVID-19 ซึ่งเธอเองได้รับวัคซีน Sinovac ครบโดสแล้ว
นพ.ธีระวัฒน์ ยกตัวอย่างกรณีการเสียชีวิต จากโพสต์ของ Siwakorn Ruttanakuntee ผู้ใช้รายหนึ่งบนเฟซบุ๊กที่ระบุว่า ญาติของเธอในวัย 30 ปี ที่ทำงานเป็นพยาบาลในหอผู้ป่วยรวม เสียชีวิตลงจาก COVID-19 ถึงแม้ว่าผู้เสียชีวิต จะเคยได้รับการฉีดวัคซีน Sinovac ครบ 2 เข็มมาแล้วก็ตาม บัญชีผู้ใช้ดังกล่าว ระบุถึงการเสียชีวิตของน้องสาวว่า “มันอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่า ถ้าได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพดีกว่านี้ เราคงจะไม่เสียน้องไป พอเหอะ พอกันที ต้องให้พวกเราตายกันอีกเท่าไหร่ พวกท่านถึงจะพอใจ”
นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวเสริมว่า จากงานวิจัยพบว่า บุคลากรด้านสาธารณสุขที่ได้รับวัคซีน Sinovac ครบ 2 โดสแล้ว เมื่อตรวจภูมิคุ้มกันพบว่า จากที่มีค่าภูมิคุ้มกันกว่า 90 เปอร์เซ็นในช่วงแรก กลับลดลงมาเหลือแค่ 30-40 เปอร์เซ็นต์ในระยะเวลาอันรวดเร็ว หรือในรายที่ยังมีภูมิคุ้มกันที่ 70 เปอร์เซ็นต์ ก็กลับพบว่าไม่สามารถป้องกันเชื้ออัลฟาและเดลตาได้เลย
ก่อนหน้านี้ นพ.ธีระวัฒน์ ระบุถึงงานวิจัยในไทยที่พบว่า การฉีดวัคซีนเข็ม 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะในการใช้ Sinovac 2 เข็ม ตามด้วย AstraZeneca ในเข็มที่ 3 สามารถกระตุ้นระดับภูมิคุ้มกัน Neutralize antibody สูงถึง 99 เปอร์เซ็นต์ รวมถึง ค่า IC50 ต่อสายพันธุ์เดลตาได้ดี ซึ่งควรจะนำมาฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ในขณะที่ประเทศไทยยังคงไม่มีวัคซีน mRNA เข้ามาใช้
อ้างอิงจาก
https://www.facebook.com/thiravat.h/posts/4668479593185558
https://thematter.co/brief/148546/148546
#Brief #TheMATTER