เมื่อวานนี้กระทรวงสาธารณสุขของไทยเพิ่งอนุมัติการใช้วัคซีนผสมสูตรใหม่ Sinovac – AstraZenaca เป็นชาติแรกของโลก ท่ามกลางความกังวลว่าการใช้วัคซีนสลับชนิดจะมีผลต่อร่างกายหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อ WHO ออกมาเตือนว่า การผสมวัคซีนต่างชนิดกัน ยังไม่มีข้อมูลการศึกษามากพอ และอาจเป็นอันตรายต่อผู้ฉีด
โซเมีย สวามีนาตัน (Soumya Swaminathan) หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า เทรนด์การฉีดวัคซีนต่างชนิดกันอาจทำให้เกิดผลกระทบในการฉีดวัคซีนครั้งต่อๆ ไป เช่นเดียวกับการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 โดยระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันเพียงพอว่าแนวทางเหล่านี้จะไม่ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว
โซเมียระบุว่า เธอกังวลถึงปัญหานี้ เนื่องจากเริ่มมีการตัดสินใจผสมวัคซีนต่างชนิด รวมถึงการฉีดกระตุ้นโดส 3 เอง โดยไม่ได้รับคำแนะนำด้านสาธารณสุข
“ข้อมูลการผสมวัคซีนยังมีจำกัด บางทีมันอาจจะเป็นแนวทางที่ดี แต่ตอนนี้เรามีเพียงข้อมูลการผสมด้วยสูตร เข็มที่ 1 AstraZeneca และตามด้วย Pfizer เท่านั้น” ซึ่งสูตรนี้ คณะกรรมการที่ปรึกษาแห่งชาติด้านการสร้างภูมิคุ้มกัน (NACI) ของแคนาดา ได้อนุมัติให้ใช้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน
อย่างไรก็ตาม ทาง NACI ยืนยันว่า การฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และ 2 ควรเป็นชนิดเดียวกัน แต่สามารถอนุมัติใช้เข็มที่ 2 เป็น mRNA ได้หากมีข้อจำกัดเรื่องความพร้อมของวัคซีน ประกอบกับการศึกษาก่อนหน้านี้ยืนยันแล้วว่า การฉีดด้วยสูตรดังกล่าวช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ดีกว่าการฉีดวัคซีนชนิดเดียวกัน เป็นเข็มที่สอง อีกทั้งยังไม่มีรายงานผลข้างเคียงที่รุนแรงใดๆ
สำหรับประเทศไทยเราได้เริ่มฉีดวัคซีนสูตรผสม Sinovac เข็มที่ 1 และ AstraZeneca เข็มที่ 2 อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งตามข้อมูลการวิจัยของ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ. หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ระบุว่า การใช้สูตรนี้จะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันมากกว่าการฉีด Sinovac 2 เข็ม ประมาณ 8 เท่า
อ้างอิงจาก
https://globalnews.ca/…/mixing-covid-vaccines-booster…/
https://www.reuters.com/…/who-warns-against-mixing…/
https://web.facebook.com/yong.poovorawan/posts/5946793172029917