เมื่อคืนที่ผ่านมา (22 กรกฎาคม) โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพิ่งออกประกาศปรับหลักเกณฑ์ใหม่ เพื่อพิจารณาการถอดเครื่องช่วยหายใจ ในผู้ป่วย COVID-19 ที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ตอกย้ำภาพของการสาธารณสุขไทย ที่เข้าสู่จุดวิกฤตมากขึ้นเรื่อยๆ
โรงพยาบาลธรรมศาตร์เฉลิมพระเกียรติ เป็นอีกหนึ่งโรงพยาาล ที่ทำการรองรับผู้ป่วย COVID-19 อย่างแน่นหนา โดย สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมว่า โรงพยายาลอาจเข้าสู่จุดวิกฤตภายในอีก 101 วัน ก่อนจะตั้งคำถามกับสถานการณ์ COVID-19 ในไทยว่า “ประเทศและระบบสาธารณสุขของเราเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร”
สัญญาณวิกฤตอาจจะมาเร็วกว่าที่คาดเอาไว้ เพราะเมื่อคืนนี้ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้ออกหลักเกณฑ์ใหม่ ในการพิจารณาถอดเครื่องช่วยหายใจผู้ป่วยวิกฤต (ICU) โดยนอกจากผู้ป่วย ที่แสดงเจตนาเอาไว้หน้าแล้ว คณะแพทย์จากโรงพยาบาลจะพิจารณาจากหลักเกณฑ์อย่างน้อย 2 ใน 4 ข้อ ได้แก่
- ผู้ป่วยมีอายุมากกว่า 75 ปี
- ผู้ป่วยเป็นโรคที่มีค่าคะแนน Charlson Comorbidity Index (CC) มากกว่า 4 เช่น โรคมะเร็งที่มีการแพร่กระจาย และโรคเอดส์ (AIDS)
- ผู้ป่วยที่มีความเปราะบางระดับปานกลาง, รุนแรง, รุนแรงมาก, อยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต หรือ Clinical Frailty Scale (CFS) มากกว่าหรือเท่ากับ 6
- ผู้ป่วยระยะสุดท้าย
ก่อนหน้านี้ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โพสต์ข้อความลงบนเพจเฟซบุ๊ก ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคมว่า โรงพยาบาลมีข่าวเศร้าที่ไม่อยากจะบอกต่อสาธารณะว่า ปัจจุบันนี้ ห้อง ICU ของโรงพยาบาลเต็มหมดทุกห้องแล้ว โดยห้องความดันลบ ที่ใช้รองรับผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจจำนวน 19 เตียงก็เต็มแล้วเช่นกัน ทางโรงพยาบาลระบุว่า “เราไม่สามารถดำเนินการให้ได้อีกแล้ว แม้จะมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เพราะไม่มีห้องวิกฤตสีแดงเข้มรองรับ”
นพ.ธนิต จิรนันท์ธวัช จากโรงพยาบาลตำรวจ โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงหลักเกณฑ์ใหม่ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติว่า ประกาศดังกล่าว ถือเป็นประกาศแรกของประเทศไทย ที่โรงพยาบาลอื่นๆ สามารถนำหลักเกณฑ์ดังกล่าวไปปรับใช้ได้ เนื่องจากมีเกณฑ์ที่ชัดเจนเหมาะสม ในการรับมือกับผู้ป่วย COVID-19 ที่ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว ที่มีมากกว่าระบบดูแลด้วยเครื่องช่วยหายใจ ที่พอจะรองรับได้
นพ.ธนิตกล่าวเสริมว่า ประชาชนไม่ควรวิตกกังวลต่อประกาศดังกล่าวมากนัก เนื่องจาก “ประกาศนี้เป็นเกณฑ์ทางการแพทย์ ที่ปรับเข้ากับสภาพทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด และ ใช้กับผู้ป่วยที่มีลักษณะเฉพาะเท่านั้น ไม่ใช่ ผู้ป่วย COVID-19 ทั่วไป”
นอกจากนี้ ประกาศดังกล่าวยังเป็นแนวทางในการรักษา ที่แพทย์ใช้อยู่แล้วในการปรึกษาหารือกับผู้ป่วยหรือญาติ ที่ว่าการรักษาต่อไปอาจไม่ช่วยให้ผู้ป่วยหายป่วย หรือไม่สามารถฝืนพยาธิสภาพของโรคได้ และการรักษาจะไม่ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นจากอาการ แต่จะเป็นการยืดเยื้อต่อเนื่องเท่านั้น จึงควรมีการพิจารณาถอดเครื่องช่วยหายใจ เพื่อใช้ผู้ป่วยวิกฤตรายอื่นๆ ต่อไปได้
อ้างอิงจาก
https://www.facebook.com/Thanit.Chirananthavat/posts/2413848085425323
https://www.prachachat.net/general/news-721658
https://www.prachachat.net/social-media-viral/news-719797
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_2838586
#Brief #TheMATTER