หลังจบการแข่งขันแบดมินตันหญิงเดี่ยว โอลิมปิก 2020 รอบ 16 คนสุดท้าย เมย์-รัชนก อินทนนท์ ก็ผ่านเข้ารอบ 8 คนไปได้ในที่สุด นอกจากเสียงชื่นชมยินดีแล้ว กระแสการเปลี่ยนเสื้อสำหรับลงแข่งแมตช์นี้ก็ได้รับการพูดถึงไม่น้อย เพราะได้เปลี่ยนจากเสื้อของสปอนเซอร์นักกีฬาไทยอย่าง Grand Sport มาเป็นเสื้อของ Yonex แทน ด้วยเหตุผลในการซัพพอร์ตประสิทธิภาพของนักกีฬาให้คล่องตัวในการแข่งขัน
นี่เองที่ทำให้ได้เห็นว่า ‘น้ำใจนักกีฬา’ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสนามแข่งขัน แต่เกิดขึ้นได้แม้แต่กับแบรนด์ที่อยู่เบื้องหลังการสนับสนุนนักกีฬาทั้งในฐานะสปอนเซอร์และไม่ใช่สปอนเซอร์โดยตรง
‘มีสปิริต มีแกรนด์สปอร์ต’
สโลแกนของ Grand Sport ที่ไม่ได้แค่สื่อถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ แต่ยังทำให้เห็นถึงจุดมุ่งหมายอีกด้วย อย่างที่รู้กันดีว่า Grand Sport ได้สิทธิเป็นผู้สนับสนุนเสื้อผ้าให้กับนักกีฬาไทยที่ลงแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ โดยอัดฉีดเงินทุนทั้งหมด 181 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนยูนิฟอร์ม ชุดฝึกซ้อม และชุดแข่งขัน รวมทั้งเป็นเงินทุนแบ่งให้ปีละ 1.5 ล้านบาท
โดยทั่วไปแล้ว การเข้าเป็นสปอนเซอร์ให้กับนักกีฬาถือเป็นวิธีทำการตลาดและประชาสัมพันธ์แบรนด์รูปแบบหนึ่ง ซึ่งเสริมสร้างสัมพันธภาพระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคให้แข็งแกร่ง ทำให้คนได้เห็นและทำความรู้จักตัวแบรนด์ผ่านสื่อที่ถ่ายทอดอีเวนต์ดังกล่าว โดยเฉพาะโอลิมปิกที่ได้ชื่อว่าเป็นงานกีฬาที่มีผู้รับชมมากรองจากเทศกาลฟุตบอลโลก
หากแต่กระแสวิจารณ์เสื้อผ้านักกีฬาจากสปอนเซอร์ค่อนข้างมากพอสมควร โดยคนส่วนใหญ่เห็นว่าเสื้อผ้าที่ Grand Sport ออกแบบให้นักกีฬาสวมใส่ในการแข่งขันนั้นอาจทำให้เคลื่อนไหวไม่คล่องตัว แน่นอนว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างปรึกษาและหาทางแก้ไขร่วมกัน โดยนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศฯ ประสานงานกับคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ Grand sport และแจ้งสหพันธ์แบดมินตันโลก ว่าจะให้นักกีฬาใส่เสื้อกีฬาที่ไม่มีโลโก้ของสปอนเซอร์ในการแข่งขันแบดมินตันรอบดังกล่าว ในขณะที่สปอนเซอร์อย่าง Grand Sport ก็อนุญาตให้ทำได้
การอนุญาตให้นักกีฬาสวมเสื้อแบรนด์อื่นลงแข่งขันนั้น หมายความว่า Grand Sport ต้อมยอมสละแอร์ไทม์ตลอดการแข่งขันที่จะได้โปรโมตแบรนด์ตัวเองไป แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้ความหมายของ ‘สปอนเซอร์’ ที่ Grand Sport ถืออยู่หายไป ซ้ำยังกลายเป็นที่กล่าวถึงในเชิงบวกมากขึ้น เพราะ Grand Sport ได้ทำให้เห็นถึงมุมมองการสนับสนุนนักกีฬา โดยที่แบรนด์ไม่จำเป็นต้องแปะป้ายประกาศตัวว่าเป็นสปอนเซอร์ผ่านการนำเสนอสินค้า แต่คำนึงถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและต้องการซัพพอร์ตนักกีฬาให้ได้มากที่สุด
Yonex อีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับการกล่าวถึงไม่น้อยในครั้งนี้ แม้ไม่ได้เป็นสปอนเซอร์หลักทางการให้กับนักกีฬาโดยตรง หากแต่การรับเข้ามาช่วยทำเสื้อสำหรับแข่งแบดมินตันแบบเฉพาะกิจนั้น ก็ถือว่ามีส่วนช่วยในการสนับสนุนนักกีฬาในการแข่งขันแมตช์ดังกล่าวมากทีเดียว
อย่างที่รู้กันดีว่า Yonex เป็นแบรนด์ขึ้นชื่อเรื่องเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาประเภทกอล์ฟ เทนนิส และแบดมินตัน โดยมีปรัชญาแบรนด์ว่า ‘Contribute to the world through innovative technology and the highest quality products’ หรือมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์แบรนด์ที่มีคุณภาพสูงสุดด้วยนวัตกรรมที่ดี
แต่นอกเหนือจากการซัพพอร์ตด้วยการสนับสนุนเสื้อนักกีฬาแล้วนั้น การสนับสนุนครั้งนี้ยังสื่อให้เห็นสปิริตของคนทำแบรนด์เพื่อคนเล่นกีฬาอีกมุมหนึ่งด้วย เพราะเงื่อนไขในการส่งเสื้อผ้าให้นักกีฬาใส่ลงแข่งขันครั้งนี้จำเป็นต้องปิดโลโก้แบรนด์ตามกติกาสากล (แม้ว่าหลายคนจะจำได้จากลักษณะยูนิฟอร์มและสี CI ของแบรนด์ก็ตาม) อีกทั้งแบรนด์ไม่ได้เป็นสปอนเซอร์หลักของนักกีฬาโอลิมปิกไทย
นี่เองที่ทำให้ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของการสนับสนุนนักกีฬา โดย Yonex แสดงความเคารพทั้งในตัวกติกาสากลที่ว่าด้วยการนำเสนอภาพลักษณ์แบรนด์สปอนเซอร์ของโอลิมปิก รวมทั้งความเคารพที่มีต่อตัวสปอนเซอร์หลักทางการอย่าง Grand Sport ด้วย ในขณะเดียวกัน ก็พร้อมช่วยเหลือทางสมาคมฯ และนักกีฬาไทยทันทีที่ได้รับการติดต่อ
นอกจากนี้ เสียงสะท้อนจากนักกีฬาอย่าง เมย์-รัชนก ก็เปี่ยมไปด้วยความขอบคุณในสปิริตของทั้งสองแบรนด์เช่นกัน และแน่นอนว่า เสียงวิจารณ์จากคนเชียร์กีฬาด้วยกันเองก็เป็นพลังสำคัญอีกเสียงที่ช่วยขับเคลื่อนและทำให้แบรนด์ได้สร้างปรากฏการณ์แสดงสปิริตของ ‘สปอนเซอร์’ ในการแก้ไขปัญหานี้ออกมา
อ้างอิงข้อมูลจาก :
https://brandinside.asia/grand-sport-olympic/
https://www.matichon.co.th/tokyogames-2020/news_2855240
ภาพจาก sanook.com
Content by Piyawan Chaloemchatwanit
#Brief #business #TheMATTER