ขณะที่บางประเทศยังคงหัวหมุนกับการจัดหา กระจาย และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้ารับวัคซีน อย่างน้อยๆ ก็สหรัฐฯ เป็นต้น ดูเหมือนการขยับเชิงนโยบายล่าสุดของประเทศแถบแสกนดิเนเวียอย่าง เดนมาร์ก น่าจะเป็นบทเรียนที่น่าเรียนรู้ไม่มากก็น้อย
ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม รัฐบาลเดนมาร์กค่อยๆ คลายมาตรการควบคุม COVID-19 โดยเริ่มจากอนุญาตให้ผู้โดยสารไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัยเวลาใช้บริการ ต่อมาในวันที่ 1 กันยายน อนุญาตให้ไนท์คลับกลับมาเปิดได้ ไม่มีมาตรการสำหรับการไปร้านอาหาร, ชมเกมกีฬา, เข้ายิม หรือทำผม รวมถึงยกเลิกข้อกำหนดจำกัดการรวมตัวกันทั้งหมด
คำถามน่าสนใจคือ ทำไมเดนมาร์กถึงกล้าที่จะดำเนินนโยบายแบบนี้ ?
ณัฐวุฒิ เผ่าทวีได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว นำข้อความบนทวิตเตอร์ของ Michael Bang Petersen หัวหน้าทีมด้านพฤติกรรมศาสตร์และที่ปรึกษาด้าน COVID-19 ของรัฐบาลเดนมาร์กมา ซึ่งมีเนื้อหาตามด้านล่างนี้
1.Michael และทีมได้เริ่มโปรเจคท์ HOPE (How Democracy Cope with COVID-19) และได้สัมภาษณ์คนจำนวน 400,000 คนใน 8 ประเทศ ก่อนพบว่า คนส่วนใหญ่มีความเห็นว่าจะคลายล็อกดาวน์ได้ก็ต่อเมื่อ 86% ของคนที่มีสิทธิ์ฉีดวัคซีน (ในที่นี้หมายถึงคนที่อายุ 12 ปีขึ้นไป) ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วอย่างน้อยหนึ่งเข็ม และ 96% ของกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้วทั้งสองเข็ม
2.คำถามต่อมาคือ ทำอย่างไรให้คนยอมร่วมมือฉีดวัคซีน? Michael ชี้ว่าคือ ความเชื่อใจของประชาชนต่อการจัดการไวรัสของรัฐบาล ซึ่งตรงนี้เป็นวัฒนธรรมของชาวเดนมาร์กอยู่แล้วที่พวกเขาจะเชื่อใจรัฐบาลของพวกเขา
3.Michael ลองยกสวีเดนมาเป็นตัวเปรียบเทียบ คำถามต่อมาคือ ทำไมคนในประเทศสวีเดนถึงเชื่อใจรัฐบาลน้อยกว่าในเดนมาร์ก ทั้งๆ ที่ระดับความเชื่อใจระหว่างกันของคนในสังคมสวีเดนมักจะสูงพอๆ กับเดนมาร์ก
4.ณัฐวุฒิเขียนว่า คำตอบคือความโปร่งใสในการสื่อสารของรัฐบาล เมื่อเทียบกับรัฐบาลเดนมาร์ก รัฐบาลสวีเดนมักจะไม่ค่อยได้สื่อสารตัวเลขที่สะท้อนความเป็นจริงในเรื่องของการระบาดให้กับประชาชนได้ทราบ อาจจะเป็นเพราะไม่อยากทำให้ประชาชนตื่นกลัว
ทีมงานวิจัยของ Michael พบว่าความโปร่งใสในการสื่อสาร ถึงแม้ว่าจะเป็นการสื่อสารตัวเลขที่ดูน่ากลัวกับประชาชน สามารถช่วยทำให้ประชาชนเพิ่มความเชื่อใจที่พวกเขามีให้กับรัฐบาลและก็ช่วยเพิ่มความยินยอมที่จะฉีดวัคซีนและทำทุกอย่างที่รัฐขอให้พวกเขาทำด้วย แน่นอนว่ารวมถึงมาตรการจำกัดการเดินทาง ห้ามรวมกลุ่ม และสวมหน้ากากอนามัย
5.Michael เสริมว่าปัจจัยสำคัญในการสร้างความโปร่งใสของรัฐบาลมี 3 ประการคือ สร้างความรู้สึกร่วม, หลีกเลี่ยงความรู้สึกแบ่งแยก และลดภาระของประชาชน (ที่นี้หมายถึงภาระที่ที่อาจเกิดจากมาตรการต่างๆ)
Michael ทิ้งท้ายเช่นเดียวกับรัฐมนตรีสาธารณสุขของเดนมาร์กว่า ถึงแม้การยกเลิกมาตรการทั้งหมดนี้ อาจพังก็ได้ใครจะรู้ แต่เขาเชื่อว่าความเชื่อใจของประชาชนที่มีต่อรัฐจะทำให้ชาวเดนมาร์กสู้กับการระบาดได้อีกครั้ง และอีกครั้ง
ทั้งนี้ รัฐบาลเดนมาร์กยังบังคับให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากเวลาอยู่ในสนามบิน และแนะนำให้ใส่เวลาที่เดินทางไปพบแพทย์ การเว้นระยะห่างยังคงจำเป็นสิ่งที่ดี และการควบคุมการเดินทางเข้า-ออกประเทศเดนมาร์กสำหรับชาวต่างชาติยังจะเข้มข้นเหมือนเดิม
อ้างอิง:
https://www.facebook.com/photo?fbid=10165586666990035&set=pcb.10165586706710035
https://twitter.com/M_B_Petersen