สำนักบริหารกิจการนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยออกมาเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรกหลังองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) ประกาศยกเลิกกิจกรรมอัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลกระเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์เมื่อคืนวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา
โดยแถลงการณ์ล่าสุดของสำนักบริหารกิจการนิสิต จุฬาฯ บอกว่า จะดำเนินการสอบวินัย กรณีที่นิสิตออกแถลงการณ์ใดๆ กระทบต่อบุคคลอันเป็นที่เคารพสักการะของผู้อื่น พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ลิดรอนเสรีภาพทางความคิด เพียงแค่ต้องดำเนินการให้อยู่ในครรลองอย่างที่ควรจะเป็น
สำหรับรายละเอียดแถลงการณ์ของสำนักบริหารกิจการนิสิต จุฬาฯ ระบุว่า
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทั้งทางความเชื่อ ศาสนา และเชื้อชาติ ซึ่งจุฬาฯ ตระหนักถึงคุณลักษณะดังกล่าวของสังคมไทยเป็นอย่างดี จึงให้ความสำคัญกับการยอมรับความแตกต่าง ทั้งทางความคิด ภูมิหลังทางสังคม ไปจนถึงความเชื่อทางการเมือง ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยเองก็เคารพเสรีภาพทางความคิดของนิสิตมาโดยตลอด รวมถึงตระหนักว่าการเปลี่ยนแปลงทางความคิดนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้
แต่ในฐานะของสถาบันการศึกษาชั้นสูงที่มีหน้าที่ผลิตบัณฑิตให้สังคมไทย จุฬาฯ ถือเป็นบทบาทสำคัญที่ต้องแนะนำและดูแลกิจกรรมของนิสิตให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และระเบียบของมหาวิทยาลัย
ดังนั้น หากพบว่านิสิตของมหาวิทยาลัยประพฤติตนหรือดำเนินการในทางที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการออกแถลงการณ์ หรือหนังสือพิมพ์ที่มีเนื้อหากระทบกระเทือนต่อบุคคลที่เป็นที่เคารพเทิดทูนสักการะของผู้อื่น โดยไม่ได้เป็นไปตามหลักวิชาการ กล่าวคือ ไม่ได้ทำไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลอย่างสุจริตและรอบด้าน ซึ่งขัดต่อคุณธรรมอันเป็นมาตรฐานที่ยอมรับในระดับสากล หรือเป็นการแสดงออกที่ไม่เคารพความเห็นต่าง หรือความเลื่อมใสของผู้อื่น
ทางจุฬาฯ ไม่อาจนิ่งเฉย และถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการตามความจำเป็นและเหมาะสมเพื่อกล่อมเกลาให้นิสิตของมหาวิทยาลัยอยู่ในครรลองของหลักความรู้คู่คุณธรรม รวมทั้งจะดำเนินสอบหาข้อเท็จจริงโดยเร็ว หากพบว่ามีการกระทำที่ต่อหลักกฎหมาย หรือระเบียบมหาวิทยาลัย ทางมหาวิทยาลัยจะดำเนินการทางวินัยต่อไป
ในแถลงการณ์ฉบับดังกล่าวได้ทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า มหาวิทยาลัยขอยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าว ไม่มีวัตถุประสงค์ลิดรอนหรือจำกัดเสรีภาพทางความคิด เสรีภาพทางวิชาการแต่อย่างใด
อ้างอิงจาก
https://web.facebook.com/…/a.12186626…/4341301959330367/
