รุมตี รุมเตะ โดนบุหรี่จี้ นี่คือเหตุการณ์ที่ อาลีฟ วัย 18 ปี บอกเล่าว่า เขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้าย หลังโดนจับใน #ม็อบ29ตุลา หรือระหว่างที่เขากำลังร่วมกิจกรรมไว้อาลัยให้กับ วาฤทธิ์ สมน้อย เยาวชนวัย 15 ปี ที่ถูกยิงหน้า สน.ดินแดง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
อาลีฟ เล่าให้เราฟังถึงกิจกรรมในวันนั้นว่า เขามาร่วมไว้อาลัย และได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ “เริ่มแรกเลยคือผมเทอาหารหมาหน้า สน.เลย เสร็จแล้วผมเอา สี น้ำแดง รองเท้า ขึ้นไปไว้บนศาลพระภูมิ อันนั้นยอมรับเลยว่าผิด แต่เราแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ แต่กลับกลายเป็นว่าโดนเล็งเอาไว้เลย”
เขาเล่าว่า เจ้าหน้าที่กรูเข้ามาจับเขา เหมือนเล็งตัวไว้แล้ว และบอกว่าเขาทำให้งานปั่นป่วน “จนถึงเหตุการณ์สลาย ผมวิ่งหนีขึ้นรถ ทีนี้รถผมสตาร์ทไม่ติด เราก็นึกว่ามันจะไม่เห็นเราแล้ว แต่พอเงยหน้าอีกที ทั้งกองร้อยวิ่งมาหาเราคนเดียว ไม่วิ่งหาคนอื่นเลย ทั้งๆ ที่คนอื่นก็วิ่งมาพร้อมกับเรา ตั้งแต่ตรงนั้น เราโดนลากเข้าห้องสืบสวน สน.ดินแดง พอเปิดประตูยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ผมโดนต่อยหน้า
“ต่อยหน้าเสร็จมันผลักผมเข้าไป มันเตะผม ผมไม่ล้ม มันเลยผลักผมลงโซฟา พอผลักลงโซฟาเสร็จทีนี้โดนรุมกระทืบเลย ตอนแรกโดนรุมเกือบสิบคน ทั้งโดนรุมกระทืบ ทั้งเอากระบองตี ทั้งเตะ ทั้งกระทืบ ไม่รู้ว่าจรรยาบรรณของความเป็นตำรวจยังมีอยู่หรือเปล่า” อาลีฟตั้งคำถามกับเหตุการณ์ที่เขาเจอ
เมื่อถามถึงการจับกุมตามขั้นตอน อาลีฟบอกกับเราว่า เขาไม่ถูกแจ้งข้อหา หรือไม่ได้รับอนุญาตให้พบทนายใดๆ เกือบค่อนคืน “พอกระทืบเสร็จเขาค่อยแจ้งข้อกล่าวหาตอนตี 3 ทั้งๆ ที่ผมมีสิทธิเรียกทนาย มีสิทธิฟังข้อกล่าวหาตั้งแต่โดนเริ่มจับ แต่ผมไม่มีสิทธิจะพูดอะไรเลย คือผมเอ่ยปากที โดนเตะหน้าทีหนึ่ง ผมโดนยับเลย”
อาลีฟบอกกับเราอีกว่า เขาโดนตำรวจถามว่า “มึงเผาทำไม” (เผาศาลพระภูมิ) ซึ่งเขาพยายามปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนทำ ซึ่งก็ถูกโดนซักถามถึงเหตุการณ์ที่ตำรวจถูกยิงที่ดินแดงอีก
“เขาถามว่า ‘ไอ้คนยิง คฝ.คือใคร’ ผมก็บอกว่า ‘ผมไม่รู้ ผมไม่เคยยุ่งเกี่ยว’ เขาก็หาว่าผมโกหก แล้วก็เตะหน้าผม พอเตะเสร็จเหยียบหน้าผมเลย พอเหยียบเสร็จมันบังคับให้ผมถอดกางเกง แล้วก็เอาบุหรี่จี้ พอจี้เสร็จก็กระทืบมาที่อวัยวะเพศผม ในระหว่างกระทืบมีพูดว่า ‘มึงไม่ต้องมีลูกมีหลาน’ และประเด็นคือ ผมโดนตั้งแต่ 6 โมงยันตี 3 มันไม่ไหวแล้ว”
นอกจากการทำร้ายร่างกายนั้น อาลีฟยังเล่าว่า เขาโดนคำขู่จากเจ้าหน้าที่ด้วย “เขาบอกว่า ‘มึงทำแบบนี้ เขาไม่เอาปืนยิงมึงทิ้งน้ำก็ดีเท่าไหร่แล้ว’ เราก็บอกว่า ‘เห้ยพี่ อันนี้แค่ศาลพระภูมินะ ถ้ามากกว่านี้ พี่ไม่ฆ่าผมเลยหรอ’
อาลีฟมองว่า ที่เขาถูกตำรวจสงสัยว่ารู้ตัวคนยิง คฝ. อาจเป็นเพราะเขาเป็นคนเฟรนด์ลี่ และดูสนิทกับคนในม็อบ ทั้งเหตุการณ์นี้ทำให้เขาตั้งคำถามถึงจรรยาบรรณของเจ้าหน้าที่มากขึ้นไปอีก “ผมโดนทั้ง คฝ. ทั้งนอกเครื่องแบบเลย ผมมองว่าไม่มีจรรยาบรรณการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เลยค คือมันหมดเกียรติยศในเครื่องแบบเขาเลย มันไม่มีคุณค่าอะไรเลย ไม่ต่างจากผ้าเช็ดเท้า”
ซึ่งหลังจากนี้ ตัวเขาเองก็ได้เตรียมตัวจะฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการทำร้ายร่างกายด้วย โดยเขาจะไปตรวจนิติเวช และอาจจะไปแจ้งความเอาไว้ก่อน ซึ่งเขาหวังว่าเหตุการณ์ที่เขาเจอ จะได้รับความเป็นธรรม และจะไม่มีใครถูกทำร้ายระหว่างสอบสวนอีก
“ผมไม่รับกระเช้าแน่นอน ผมจะให้เขารับผิดชอบให้มากที่สุด ส่วนตัวผมก็จะดำเนินการให้เต็มที่ที่สุดเหมือนกัน ผมอยากให้เก็บเคสของผมเนี่ย ให้เป็นเคสสุดท้าย สำหรับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เลยว่า อย่าทำแบบนี้ มันไม่ดีเลย มันไม่มีใครมองว่าคุณมีจรรยาบรรณในการเป็นตำรวจ การที่คุณมาทำแบบนี้ ไม่ได้ทำให้เครื่องแบบของคุณจะดูดีขึ้น และต่อให้คุณกระทืบผมเป็นสิบเป็นร้อยครั้ง ยศคุณก็ไม่ได้ขึ้นอยู่ดี เลยอยากจะเก็บให้เป็นเคสสุดท้ายที่ทำเด็ก แต่หลังจากนี้ผมหวังว่าจะไม่มีใครโดนอีก”
#Brief #TheMATTER