ภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (climate change) เกิดขึ้นให้เห็นเป็นปรากฏการณ์ต่างๆ มากขึ้นทุกวัน แค่ในปีนี้ปีเดียว เราเห็นเหตุการณ์ที่สะท้อนถึงวิกฤตด้านสภาพภูมิอากาศอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นไฟป่าที่แคลิฟอร์เนีย พายุทรายถล่มเมืองตุนหวงของจีน น้ำท่วมนครนิวยอร์ก หรือแม้แต่เหตุการณ์น้ำท่วมกว่า 20 จังหวัดของประเทศไทยเอง
แต่เหตุการณ์หนึ่งที่น่าสนใจ และอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในอนาคต ก็คือ ฝนที่ตกบนยอดเขาในกรีนแลนด์ แทนที่จะเป็นหิมะ ซึ่งพบเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เป็นเหตุการณ์ที่น่าตกใจในหมู่นักวิทยาศาสตร์
งานวิจัยที่นำโดย Michelle McCrystall จาก University of Manitoba ของแคนาดา ค้นพบว่า เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นปกติ พูดอีกอย่างคือ ถ้าโลกร้อนขึ้น 3 องศาเซลเซียส ฝนก็จะตกในทุกๆ ภูมิภาคของขั้วโลกเหนือ ในฐานะหยาดน้ำฟ้าหลัก แทนที่หิมะในอีกไม่เกิน 40-50 ปี แต่แม้จะควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 หรือ 2 องศาฯ ได้ บริเวณกรีนแลนด์และทะเลนอร์วีเจียน ก็จะยังมีฝนตกเป็นหลักอยู่ดี ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ก็เห็นตรงกันอยู่แล้วว่าปริมาณฝนที่เพิ่มมากขึ้นนั้นมาจากการละเหยของน้ำทะเลที่ปราศจากน้ำแข็งและอุ่นขึ้นเรื่อยๆ
ทีมวิจัยบอกอีกว่า ผลกระทบจากการที่ฝนมาแทนหิมะนั้น ‘มหาศาล’ เพราะหิมะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดน้ำแข็งในขั้วโลกเหนือ เมื่อหิมะลดลง ก็อาจช่วยเร่งให้ธารน้ำแข็งไหลลงมหาสมุทรมากขึ้น มีการละลายของชั้นดินเยือกแข็งคงตัวมากขึ้น จนทำให้น้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลต่อเมืองที่ติดชายฝั่ง อาจทำให้เกิดเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วบ่อยขึ้น และกระทั่งส่งผลกระทบกับสัตว์อย่างกวางเรนเดียร์ที่จะต้องเผชิญกับวิกฤตขาดอาหาร
มีการวิเคราะห์ว่า แม้จะมีข้อตกลงจากการประชุม COP26 ที่ผ่านมา อุณหภูมิของโลกก็จะเพิ่มสูงขึ้นได้ถึง 2.4 องศาฯ อยู่ดี ซึ่งก็ยังไม่แน่ไม่นอนอีกว่าแต่ละประเทศจะทำตามที่สัญญาไว้ได้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือ ปัญหานี้ย่อมส่งผลกระทบกับทั้งโลก McCrystall หัวหน้าทีมวิจัย บอกว่า “คุณอาจคิดว่าขั้วโลกเหนือห่างไกลจากชีวิตประจำวันของคุณ แต่ในความเป็นจริง อุณหภูมิที่นั่นอุ่นขึ้นมากจนส่งผลกระทบลงมาทางใต้มากขึ้นเรื่อยๆ” เธอบอกอีกว่า “นี่คือปัญหาของโลก และมันก็ต้องมีการแก้ปัญหาจากทั้งโลก”
อ้างอิงจาก
https://www.theguardian.com/environment/2021/nov/30/rain-replace-snow-arctic-climate-heats-study
https://edition.cnn.com/2021/11/30/us/arctic-rainfall-greenland-climate-change/index.html