Banksy ศิลปินกราฟฟิตี้ปริศนาชื่อดังชาวอังกฤษ มีข่าวขายผลงานของตัวเองเพื่อระดมเงินช่วยเหลือด้านการกุศลอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นในการมอบเงินให้กับผู้ลี้ภัย เหยื่อก่อการร้ายของ ISIS หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด่านหน้าในวิกฤต COVID-19
ล่าสุด Banksy ได้ประกาศแผนที่จะเปลี่ยนเรือนจำเรดดิ้ง ที่ประเทศอังกฤษ ให้กลายเป็นหอศิลป์ ซึ่งทาง Banksy จะมอบเงินจำนวน 10 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 448 ล้านบาท ที่จะได้จากการขายแผ่นฉลุที่ใช้พ่นสีข้างกำแพงของเรือนจำเดียวกันนี้ สมทบกับงบของสภาเทศบาลเมืองเรดดิ้ง เป็นจำนวนทั้งหมด 12.6 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 565 ล้านบาท เพื่อขอซื้อเรือนจำดังกล่าวจากกระทรวงยุติธรรมของอังกฤษ ด้วยจุดประสงค์ของการอนุรักษ์ ก่อนที่พื้นที่เรือนจำจะถูกเปลี่ยนเป็นโครงการบ้านจัดสรร
เรือนจำที่ว่านี้ เคยเป็นที่กักขังออสการ์ ไวลด์ นักเขียนคนสำคัญในสมัยวิคตอเรีย ซึ่งก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Banksy อยากจะมาปรับปรุงพื้นที่นี้ เพราะ Banksy บอกว่า “การเปลี่ยนสถานที่ที่เคยทำลายเขา [ออสการ์ ไวลด์] ให้กลายเป็นแหล่งพักพิงของศิลปะนั้นช่างเหมาะเจาะมาก จนเราต้องเข้ามาทำ”
อย่างไรก็ดี กระทวงยุติธรรมได้ชี้แจงว่า การประกวดราคาของเรือนจำนี้ได้สุดลงตั้งแต่ต้นปีนี้แล้ว โดยเงินสมทบของ Banksy ก็จะไปเป็นงบเพิ่มเติมให้กับงบในส่วนของสภาเทศบาลเมืองเรดดิ้งแทน ทางโฆษกของ Banksy ได้ชี้แจงว่า เงินสมทบของ Banksy จะได้นำไปใช้งานหรือไม่นั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ว่า กระทรวงยุติธรรมประกาศให้สภาเทศบาลเมืองเรดดิ้งชนะประมูลหรือไม่
ขณะนี้ก็มีหลายฝ่ายในเมืองเรดดิ้งออกมาสนับสนุนแผนของ Banksy เช่น โทบี เดวีส์ ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของโรงละครแรบเบิล ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า “Banksy กำลังจะมอบเงินที่เยอะอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งก็จะเข้ากระทรวงยุติธรรมโดยตรงเพื่อผลประโยชน์สาธารณะ” ซึ่งถ้ากระทรวงยุติธรรมไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ เขาก็มองว่ามันควรจะเป็นความผิดทางอาญาเลยทีเดียว
อังกฤษเป็นประเทศที่ประชาชนมีสิทธิมีเสียงในการเปลี่ยนแปลงพื้นที่สาธารณะอยู่เสมอ และถ้าข้อเสนอนี้ของ Banksy เกิดขึ้นจริง ก็จะเป็นตัวอย่างให้เห็นอีกครั้งว่า ประชาชนก็มีสิทธิกำหนดพื้นที่ในเมืองให้ตอบสนองต่อความต้องการต่างๆ ของคนในสังคมได้ โดยไม่จำเป็นต้องยอมรับแผนการพัฒนาของผู้มีอำนาจหรือนายทุนเสมอไป
อ้างอิงจาก
https://www.bbc.com/news/uk-england-berkshire-59535099