การตรึงไม้กางเขนเป็นการลงโทษที่ถือว่าแพร่หลายในสมัยโรมัน แต่ที่ผ่านมา มีการค้นพบตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นถึงการลงโทษรูปแบบนี้ในอดีตแค่เพียง 3 แห่งเท่านั้น โดยมีแค่แห่งเดียวที่มีตะปูตอกคาข้อเท้าในขณะค้นพบ คือที่เมือง Giv’at ha-Mivtar ทางตอนเหนือของเยรูซาเลม ซึ่งเป็นการขุดพบเมื่อปี 1968 หรือ 50 กว่าปีที่ผ่านมา
แต่ล่าสุด ทีมนักโบราณคดีสัญชาติอังกฤษที่ชื่อว่า Albion Archaeology เพิ่งได้เปิดเผยถึงการค้นพบตัวอย่างการตรึงไม้กางเขนแห่งที่ 4 ของโลกแล้ว ซึ่งเป็นแห่งแรกของประเทศอังกฤษ โดยเป็นการขุดพบตั้งแต่ปี 2017 แต่เพิ่งมาเปิดเผยเพราะเลื่อนจากการระบาดของ COVID-19
การค้นพบครั้งนี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเฟนสแตนตัน ในเมืองเคมบริดจ์เชอร์ ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของจักรวรรดิโรมัน และเคยเป็นทางผ่านบนถนนสายหลักในสมัยโรมัน โดยในบริเวณที่มีการขุดค้น จากโครงกระดูกทั้งหมด 48 โครง พบว่ามีโครงหนึ่ง ซึ่งคาดว่าเป็นของชายอายุราวๆ 25–35 ปี มีตะปูตอกอยู่ที่ข้อเท้าขวา
ในตอนแรก ทีมที่ขุดค้นไม่ได้สังเกตเห็นถึงตะปูที่ตอกอยู่จนกระทั่งนำกระดูกกลับมาทำความสะอาดในแล็บ โดยจากการค้นพบตะปูในบริเวณรอบๆ เพิ่มเติมอีก 12 ตัว ก็คาดกันว่า ชายผู้นี้น่าจะถูกตอกไว้กับแผ่นไม้หรือไม่ก็แคร่ที่มีไว้หามศพ ซึ่งทีมงานก็บอกอีกว่า การตอกตะปูที่ข้อเท้านี้ ไม่น่าจะใช่อุบัติเหตุ เพราะพบว่ามีรูตื้นๆ บนข้อเท้าอีกรูหนึ่งด้วย ซึ่งน่าจะมาจากการตอกครั้งแรกที่ไม่สำเร็จ
โครงกระดูกที่ว่านี้ได้ผ่านการหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสี และพบว่ามีอายุระหว่าง 1,661 ปี ถึง 1,891 ปี และจากการตรวจดีเอ็นเอ ก็พบว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับโครงกระดูกอื่นๆ ในบริเวณเดียวกัน จึงคาดว่าน่าจะเป็นทาสที่เป็นประชากรท้องถิ่น
เดวิด อิงแฮม หัวหน้าทีมขุดค้น ได้อธิบายว่า การตรึงไม้กางเขนของโรมันจริงๆ แล้วไม่ได้เป็นเหมือนภาพจำที่มาจากศาสนาคริสต์เสมอไป คนโรมันมีวิธีการหลายแบบที่แตกต่างกันไปในการลงโทษคน ซึ่งที่พบได้ทั่วไปมากกว่าก็คือการมัดไว้กับไม้กางเขน ตะปูก็อาจจะมีใช้บ้าง แต่จะใช้เพื่อทรมานไม่ให้ขยับเท้ามากกว่า โดยการลงโทษในรูปแบบของการตรึงไม้กางเขนนี้ก็ค่อนข้างพบได้ทั่วไป แต่จะใช้กับโทษที่หนักที่สุดเท่านั้น เช่น อาชญากรรมที่เป็นภัยต่อความมั่นคง เป็นต้น
การค้นพบครั้งนี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ช่วยยืนยันถึงการมีอยู่ของวิธีการลงโทษแบบตรึงไม้กางเขนในสมัยโรมัน และยังสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประวัติศาสตร์ตอนที่ชายเจ้าของโครงกระดูกนี้ยังมีชีวิตอยู่ด้วย โดยคอรินน์ ดูฮิก หนึ่งในทีมนักโบราณคดี ก็ได้อธิบายว่า หลักฐานที่พบนี้ชี้ให้เห็นว่า คนที่อยู่ในมณฑลที่ห่างไกลที่สุดอย่างอังกฤษ ก็ยังหนีไม่พ้น ‘การลงโทษที่ป่าเถื่อนที่สุด’ ของจักรวรรดิโรมัน
อ้างอิงจาก