สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพของอังกฤษ (UK Health Security Agency หรือ UKHSA) เพิ่งเปิดเผยเอกสารที่ให้ข้อมูลจากการศึกษาการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอนในประเทศอังกฤษ ซึ่งมีตอนหนึ่งในเอกสารที่น่าสนใจ นั่นคือ ผลการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนยี่ห้อต่างๆ ที่มีต่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้
จากการเปรียบเทียบผู้ป่วยสายพันธุ์โอไมครอน 581 คน กับ ผู้ป่วยสายพันธุ์เดลต้า 56,000 คน เพื่อประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนอย่างคร่าวๆ พบว่า หากฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ามาแล้ว 2 เข็ม แทบป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการของสายพันธุ์โอไมครอนไม่ได้เลย แต่หากฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม จะป้องกันได้ราวๆ 30–40%
อย่างไรก็ดี หากฉีดวัคซีนไฟเซอร์เป็นบูสเตอร์เข็ม 3 จะทำให้ป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการได้ราวๆ 70% สำหรับผู้ที่เคยฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ามาก่อน และราวๆ 75% สำหรับผู้ที่เคยฉีดวัคซีนไฟเซอร์มาก่อน
ข้อมูลที่ออกมา ถือว่าน่ากังวลสำหรับประเทศอังกฤษ ซึ่งกำลังมีเชื้อโอไมครอนแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว และหลายฝ่ายก็ได้ออกมาเตือนให้เร่งฉีดเข็มบูสเตอร์โดยไว โดยจากข้อมูลเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ติดเชื้อโอไมครอนในอังกฤษ 817 คนแล้ว และน่าจะทวีคูณเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้
โดย ผศ.ดร.นพ.ปกรัฐ หังสสูต หัวหน้าหน่วยไวรัสวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้ให้ความเห็นบนทวิตเตอร์ว่า สำหรับอังกฤษ ไม่เกินคริสต์มาสคงได้เห็นผลว่าการระบาดเป็นอย่างไร และเมื่อย้อนมามองประเทศไทย ผศ.ดร.นพ.ปกรัฐ บอกว่า “เราซื้อเวลาได้ 10 วัน หวังว่าเราคงได้เตรียมตัวกันพร้อมแล้ว” ซึ่งวิธีหนึ่งที่จำเป็นในการรับมือก็คือ การเร่งฉีดบูสเตอร์เข็ม 3 ด้วยวัคซีน mRNA
อ้างอิงจาก
https://www.nytimes.com/live/2021/12/10/world/covid-omicron-vaccines/britain-omicron
https://twitter.com/pokrath/status/1469514024861638659