ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน ของสภาผู้แทนราษฎร ได้เปิดเผยรายงานผลการแสวงหาข้อเท็จจริง กรณีเหตุความรุนแรงระหว่างการชุมนุมทางการเมือง วันที่ 14 พ.ย.2564 ซึ่งมีผู้ชุมนุมถูกกระสุนได้รับบาดเจ็บ 3 ราย บริเวณหน้าโรงพยาบาลตำรวจ ที่คณะทำงานซึ่ง กมธ.ตั้งขึ้นรวบรวมมา
บทสรุปของรายงานดังกล่าวที่มีความหนา 20 หน้า ได้ข้อมูลจากการประมวลข้อเท็จจริงจากหลายแหล่ง และอ้างอิงหลักฐานภาพเคลื่อนไหวที่มีการเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ 8 แห่ง ระบุว่า หนึ่งในผู้ชุมนุมที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส กระสุนปืนทะลุหน้าอกฝังอยู่ในร่างกาย ต้องให้แพทย์ผ่าเอากระสุนออก และยังรักษาตัวในโรงพยาบาลจนถึงปัจจุบัน “เชื่อได้ว่า..ถูกยิงด้วยอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนในระยะที่ใกล้มาก เป็นกระสุนไม่ทราบชนิด แต่ทําให้เกิดแสง เสียง ระเบิดและควัน การที่กระสุนสามารถเจาะทะลุหน้าอกได้ชี้ว่าเจ้าหน้าที่ได้ใช้อาวุธที่มีพลานุภาพที่สามารถทําให้เป้าหมายเสียชีวิตได้”
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวถือว่า ‘เกินกว่าเหตุ’ เพราะแม้ผู้ถูกยิงจะเหวี่ยงกรวยจราจรลงพื้นถนน แต่ไม่ได้มีความมุ่งหมาย หรือไม่สามารถทำอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ได้
เอกสารดังกล่าวยังระบุว่า แม้ตำรวจจะได้รับรายงานและเก็บเอาหัวกระสุนที่ผ่าตัดจากผู้ถูกยิงไปแล้ว แต่ก็ไม่เคยแสดงหลักฐานต่อสาธารณชน หรือกระทั่งแจ้งต่อครอบครัวของผู้ถูกยิงหรือกระทั่งเจ้าตัวเลยว่า เป็นกระสุนชนิดใด พร้อมระบุว่าพฤติกรรมดังกล่าวอาจเข้าข่ายความ ‘พยายามฆ่า’ (attempted murder)
คณะทำงานของ กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ยังมีข้อเสนอแนะ เรียกร้องให้รัฐบาลและ ผบ.ตร. นำรายงานทางการแพทย์มาเปิดเผยว่าผู้ชุมนุมรายดังกล่าวถูกยิงด้วยกระสุนชนิดใด มีลักษณะบาดแผลเป็นอย่างไร พร้อมกับตั้งคณะกรรมการอิสระที่ไม่ใช่ตำรวจมาสืบสวนสอบสวนกรณีที่เกิดขึ้น และเร่งดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่กระทำเกินกว่าเหตุรายดังกล่าว พร้อมกับผู้บังคับบัญชาที่ปล่อยปละละลเย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้ซ้ำขึ้นอีก
- อ่านรายงานดังกล่าวฉบับเต็มได้ที่: https://www.moveforwardparty.org/wp-content/uploads/2021/12/Pol-Dev-Committee-Report-14-NOV.pdf
#Brief #TheMATTER