กลายเป็นข่าวฮือฮาในช่วงเดือนที่ผ่านมา เมื่อ ‘ซาร์โก’ แคปซูลฆ่าตัวตายที่ได้รับการพัฒนาโดย ดร.ฟิลิป นิทสช์เก ผู้ก่อตั้ง Exit International องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่สนับสนุนการการุณยฆาต ได้ผ่านการรับรองทางกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยในประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เร็วๆ นี้ ดร.นิทสช์เก ก็เพิ่งเปิดเผยอีกว่า เขาและกลุ่ม Exit International กำลังวางแผนพัฒนาอุปกรณ์ตัวใหม่ที่จะฝังเข้าไปในร่างกายคนและตั้งเวลาฆ่าตัวตายไว้ได้ล่วงหน้า โดยเล็งจะนำไปใช้กับผู้ที่มีภาวะทางสมอง เช่น สมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์
แนวคิดของอุปกรณ์ชิ้นนี้จะตรงข้ามกับสวิตช์นิรภัยที่เรียกว่า ‘dead man’s switch’ ซึ่งจะหยุดกลไกที่อันตราย เช่น ในเครื่องบินหรือรถไฟ ทันทีที่ผู้ใช้งานหมดสติหรือเสียชีวิต ดร.นิทสช์เก ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ออนไลน์ The Independent ว่า ผู้ใช้งานจะต้องปิดสวิตช์อุปกรณ์ฝังร่างกายนี้ทุกวัน ถ้าวันไหนตื่นขึ้นมาแล้วลืมว่าทำไมต้องปิดสวิตช์เครื่องนี้ เขาก็จะต้องตายตามเวลาที่ตั้งไว้
ดร.นิทสช์เก ให้เหตุผลว่า อุปกรณ์ชิ้นนี้จะทำให้เจ้าตัวเป็นผู้แบกรับความรับผิดชอบต่อความตายด้วยตนเอง และเมื่อไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ต่อในสภาพผัก พวกเขาก็สามารถปิดชีวิตตนเองได้ แม้จะไม่มีใครสมัครใจทำการุณยฆาตให้พวกเขาก็ตาม
อย่างไรก็ดี มีการตั้งข้อสังเกตว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากอุปกรณ์เกิดทำงานผิดพลาดขึ้นมา หรือในกรณีที่ผู้ใช้งานลืมปิดสวิตช์จริงๆ ไม่ใช่เป็นโรคสมองเสื่อมหรือหมดสติ โดยในเรื่องนี้ ดร.นิทสช์เก ก็ยอมรับว่า อุปกรณ์ตัวดังกล่าวน่าจะต้องเจอกับ “กำแพงทางกฎหมาย” อย่างหนัก
สำหรับ ดร.นิทสช์เก เคยทำงานเป็นนายแพทย์ และเป็นนักเคลื่อนไหวด้านการการุณยฆาต จนได้รับฉายาว่า ‘Dr Death’ เป็นนายแพทย์คนแรกที่ฉีดยาทำการุณยฆาตเมื่อปี 1996 เคยเขียนหนังสือ The Peaceful Pill Handbook ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับการการุณยฆาต และเคยเผาใบอนุญาตวิชาชีพของเขาเพื่อประท้วงต่อข้อห้ามในเรื่องนี้ในออสเตรเลีย
อ้างอิงจาก