หมู่บ้านที่หายสาบสูญในสเปนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง หลังเขื่อนเก็บน้ำที่ชายแดนสเปน-โปรตุเกสต้องเจอกับภัยแห้งหลัง จนน้ำที่เคยเต็มเปี่ยมเหือดแห้งไปจนหมด
ซากปรักหักพังของอดีตหมู่บ้าน Aceredo ที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคกาลิเซียทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสเปนกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งหลังจมอยู่ใต้น้ำนานกว่า 30 ปี และกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้มาเยือนหมู่บ้านแห่งนี้ที่ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ก่อนจะถูกสายน้ำซัดท่วมจนเหลือเพียงแต่เรื่องเล่า
หลังจากที่น้ำในเขื่อน Alto Lindoso แห้งลง จะยังสังเกตถึงรายละเอียดเล็กน้อยของหมู่บ้านแห่งนี้ ทั้งหลังคาที่ถล่มมาแล้วบางส่วน ก้อนอิฐ เศษไม้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นประตู น้ำพุที่ยังคงมีน้ำไหลออกมาจากท่อขึ้นสนิม ไปจนถึงลังเก็บของที่มีขวดเบียร์ซ้อนทับกันอยู่ ซึ่งคาดว่าในอดีตเคยเป็นร้านขายกาแฟ
แม้ภัยแล้งที่มาเยือนจะทำให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวเล็กๆ ขึ้นมา แต่นั่นดูเหมือนไม่ใช่ข่าวดีเลย เพราะมันกำลังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าพลังน้ำของสเปน ซึ่งเป็นผลจากปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ปัญหาภัยแล้งคุกคามสเปนและประเทศเพื่อนบ้านอย่างโปรตุเกสมานานหลายปี และมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ข้อมูลจากกระทรวงสิ่งแวดล้อมของสเปนระบุว่า ปัจจุบัน อ่างเก็บน้ำในสเปนมีน้ำอยู่ 44% จากความจุทั้งหมด ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยซึ่งอยู่ที่ 61% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังสูงกว่าปี 2018 ที่เกิดภัยแล้งรุนแรง แต่ที่น่ากังวลคือ ตัวชี้วัดความแห้งแล้งนั้นยังมีแนวโน้มจะแย่ลงเรื่อยๆ ในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า
Jose Alvarez อดีตคนงานก่อสร้างซึ่งเคยทำงานใน Aceredo กล่าวถึงวิกฤตภัยแล้งนี้ว่า “มันแย่มาก แต่มันก็เป็นอย่างที่เป็น นั่นคือชีวิต”
อ้างอิงจาก
https://www.theguardian.com/…/ghost-village-emerges-in…