“ถ้าผมจะถูกตีความว่าการต่อใบอนุญาตเป็นการยกสมบัติของชาติให้แก้เอกชนตามอำเภอใจ ข้อกล่าวหานี้เป็นการกล่าวหาตั้งแต่รัฐบาลในยุคนั้น หรือว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ขัดต่อนโยบายทำเหมืองตั้งแต่อดีตที่ผูกพันมาถึงปัจจุบัน”
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ชี้แจงกรณีเหมืองทองอัคราที่ จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด จากพรรคเพื่อไทย ซักถามในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ โดยระบุว่ามีส่วนที่ยังไม่ได้รับความชัดเจนคือ รัฐบาลไทยอนุมัติบัตรเหมืองแร่ 4 แปลง ขณะที่อนุญาโตตุลาการฯ เลื่อนอ่านคำชี้แจงออก ทำให้เกิดข้อสงสัยว่านี่เข้าข่ายการนำสมบัติของชาติไปเป็นเครื่องประกันตัวเองจากคดีหรือไม่
นายกฯ กล่าวว่า เหตุการณ์เหมืองทองอัครานั้นเริ่มต้นในช่วง พ.ศ.2535-2544 ซึ่งรัฐบาลในเวลานั้นเห็นชอบให้มีการทำเหมืองแร่ตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการเหมืองแร่ พ.ศ.2510
แต่หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาทำหน้าที่ ก็ได้ออกระเบียบจัดการส่วนที่ยังเป็นปัญหา และปรับปรุง พ.ร.บ.การประกอบกิจการเหมืองแร่ พ.ศ.2560 ทำให้มีบริษัทเอกชนเข้ามาขอใบอนุญาตใหม่ และต่อใบอนุญาตเดิม ซึ่งบริษัทอัคราก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ยื่นเอกสารขอต่ออายุ 4 แปลงที่ค้างอยู่ การที่เคยมีคดีความกับไทยมาก่อนหน้านี้ไม่เกี่ยวข้องกับสิทธิ์ในการยื่นขอใบอนุญาตแต่อย่างใด โดยได้ทำตามขั้นตอนเดียวกับบริษัทอื่นๆ จนได้รับการต่อใบอนุญาตประทานบัตร 4 แปลงในปลายปี พ.ศ.2564
นายกฯ ยืนยันว่า รัฐบาลไทยไม่ได้แลกเปลี่ยนใดๆ กับบริษัทเอกชนทั้งสิ้น “ถ้าผมจะถูกตีความว่าการต่อใบอนุญาตเป็นการยกสมบัติของชาติให้แก้เอกชนตามอำเภอใจ ข้อกล่าวหานี้เป็นการกล่าวหาตั้งแต่รัฐบาลในยุคนั้น หรือว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ขัดต่อนโยบายทำเหมืองตั้งแต่อดีตที่ผูกพันมาถึงปัจจุบัน”
ขณะที่อธิบายว่า การฟ้องร้องของคิงส์เกตเกิดขึ้นเพราะความไม่เข้าใจ และคิดว่าบริษัทลูกในไทยไม่ได้รับความเป็นธรรม–ถูกเลือกปฏิบัติ เพราะมีผู้ถือหุ้นเป็นบริษัทต่างชาติ ข้อฟ้องร้องจึงระบุว่ารัฐบาลมีเจตนายึดเหมืองอย่างคืบคลานโดยไม่ต่อใบอนุญาตตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน โดยเข้าใจผิดว่าประเทศไทยจะเข้าไปทำเหมืองเอง ต้องการยึดสิ่งของประกอบธุรกิจให้ตกเป็นของรัฐ จึงแสดงออกมาในรูปแบบของรายการต่างๆ ที่คิงส์เกตคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เช่น การไม่ได้รับการต่อใบอนุญาตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ส่วนเรื่องการใช้มาตรา 44 นายกฯ อธิบายว่า เป็นเรื่องของการเข้าไปตรวจสอบ เหมืองทุกประเภทต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ส่วนใดที่ยังมีปัญหาก็ให้แก้ไข หลายเหมืองก็มีการปิดไปในเวลาเดียวกันด้วย แต่ในกรณีของเหมืองทองอัครานี้มีส่วนที่ยังไม่เข้าใจกัน ซึ่งอยู่ระหว่างการพูดคุยในคณะอนุญาโตตุลาการ
พร้อมเสริมว่า เรื่องการต่อใบอนุญาตเป็นหน้าที่รับผิดชอบของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ขอหลักการกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับนายกฯ และยังยืนยันว่า การดำเนินการใดๆ ก็ตาม เป็นไปโดยคำนึงประโยชน์ของประเทศชาติ ส่วนที่เคยเป็นคดีความและมีปัญหาก็อยู่ในระหว่างจัดการและสร้างความเข้าใจทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะในส่วนที่คิดว่ารัฐบาลจะยึดเหมืองไปเป็นของตัวเอง ทำให้ไม่ต่อใบอนุญาตก่อนหน้านี้ จึงเป็นเหตุให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปก่อน
นายกฯ ยืนยันว่ากระบวนการต่างๆ ดำเนินไปตามกฎหมาย ซึ่งบางส่วนต้องใช้เวลาดำเนินการ พร้อมเตือนให้ ส.ส.อภิปรายอย่างระมัดระวัง ไม่สร้างความเดือดร้อนหรือความเสียหายให้กับประเทศ
อ้างอิงจาก