ค่านิยมต่างๆ ของสังคมจะเปลี่ยนไปตามมุมมองและการใช้ชีวิตประชากรในแต่ละยุค เช่นเดียวกับเรื่องนี้ เมื่อผลสถิติจากสหรัฐฯ พบว่า ผู้ใหญ่หลายคนนิยามตัวเองเป็น LGBTQ มากขึ้น โดยมีกลุ่มคนในยุคเจน Z เป็นกำลังสำคัญในเรื่องนี้
ข้อมูลดังกล่าวมาจาก Gallup Survey ซึ่งสำรวจจากประชากร 12,000 คนในสหรัฐฯ ระบุว่า ผลสำรวจพบว่า ในปี 2022 นี้ 7.1% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ นิยามตัวเองเป็น LGBTQ เป็นตัวเลขที่สูงขึ้นถึงเท่าตัวจากปี 2012 และยังเพิ่มจากปีก่อนซึ่งมี 5.6% ของชาวอเมริกันที่ระบุว่าตัวเองเป็น LGBTQ
ในจำนวนของผู้ที่นิยามตัวเองเป็น LGBTQ นี้มีชาวเจเนเรชั่น Z (Gallup ระบุว่าเป็นกลุ่มคนที่เกิดในปี 1997-2003) อยู่ถึง 21% ถือเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดในบรรดาทุกกลุ่ม ขณะที่กลุ่มคนเจเนเรชั่น Y อยู่ที่ 10.5% และคนเจเนเรชั่น X อยู่ที่ 4.2% ส่วนกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ อยู่ที่ 0.8%
รายงานยังระบุด้วยว่า อัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ที่นิยามตัวเองเป็น LGBTQ ในกลุ่มเจน Z นั้น สะท้อนถึงวัฒนธรรมของการยอมรับกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศที่เพิ่มมากขึ้นในสังคม ซึ่งมาพร้อมกับช่วงเวลาที่เหล่าคนเจน Z เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ขณะที่กลุ่มรุ่นเก่าเริ่มล้มหายตายจากไป
“พวกเขาเติบโตขึ้นมาภายใต้วัฒนธรรมที่การเป็น LGBTQ เป็นเรื่องปกติ และไม่ใช่สิ่งที่คนต้องอับอายหรือหลบซ่อนอีกต่อไป” เจฟเฟอรี่ โจนส์ (Jeffrey Jones) บรรณาธิการอาวุโสของ Gallup กล่าว
โจนส์กล่าวอีกว่า “แม้จะยังมีการเลือกปฏิบัติทางเพศอยู่ในสังคม แต่มันจะไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว กระแสสังคมเปลี่ยนไป พฤติกรรมและทัศนคติของผู้คนก็กำลังเปลี่ยนไปเช่นกัน รวมถึง ประชากรที่เปลี่ยนไปด้วย”
ขณะที่ โจนี่ แมดดิสัน (Joni Madison) ประธานชั่วคราวของ Human Rights Campaign กล่าวถึงผลสำรวจนี้ว่า ด้วยประชากร LGBTQ+ ที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งใช้ชีวิตอยู่อย่างเปิดเผยและโอบรับตัวตนของตัวเอง การต่อสู้เพื่อสิทธิของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศจะต้องดำเนินต่อไป เพื่อเป็นตัวแทนของชุมชนที่สวยงามและกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้
อ้างอิงจาก