หลังจากมีการประท้วง Black Lives Matter ครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ เมื่อปี 2020 ก็ส่งแรงกระเพื่อมสู่หลายๆ ประเทศในยุโรป ที่ต้องกลับมาทบทวนอดีตของการเป็นเจ้าอาณานิคมของตัวเอง
ในเบลเยียม รูปปั้นของกษัตริย์เลโอโปลด์ที่ 2 หนีไม่พ้นที่จะกลายเป็นจุดขัดแย้งของการประท้วง เพราะในช่วงระหว่างพระองค์ครองราชย์ เบลเยียมได้บุกคองโกเพื่อยึดมาเป็นอาณาจักรส่วนพระองค์ ก่อตั้งเป็น ‘รัฐอิสระคองโก’ (Congo Free State) ในปี 1885-1908 คาดว่ามีเหยื่อเสียชีวิตมากกว่า 10 ล้านคนภายใต้การปกครองของพระองค์
รัฐบาลกรุงบรัสเซลส์จึงได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาในเดือนกันยายน 2020 ประกอบด้วยนักประวัติศาสตร์ สถาปนิก นักวิชาการด้านแอฟริกันสึกษา รวมถึงนักปรัชญา และด้านอื่นๆ เพื่อศึกษาเรื่อง ‘decolonization’ หรือการรื้อถอนสัญลักษณ์ของลัทธิล่าอาณานิคมที่ยังแฝงฝังอยู่ในที่ต่างๆ ในพื้นที่สาธารณะ
สำหรับรูปปั้นกษัตริย์เลโอโปลด์ที่ 2 คณะกรรมการออกรายงาน 256 หน้า ยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจ 2 ข้อ ทางเลือกแรกคือ เผารูปปั้นแล้วหลอมเป็นอนุสาวรีย์เพื่อระลึกถึงคนนับล้านที่ล้มตายจากการปกครองของพระองค์ในเบลเยียม รวมถึงเหยื่อของลัทธิล่าอาณานิคมในที่อื่นๆ
อีกทางเลือกหนึ่งคือ สร้างอุทยานกลางแจ้ง เพื่อจัดแสดงรูปปั้นดังกล่าว รวมไปถึงรูปปั้นอื่นๆ ที่เป็นประเด็นเชื่อมโยงถึงการล่าอาณานิคมในอดีต
คณะกรรมการไม่ได้เสนอให้ทำลายรูปปั้นทุกชิ้นเหมือนกันหมด แต่พิจารณาเป็นรายกรณีไป นอกจากนี้ ยังเสนอให้จัดสร้างอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงเหยื่อโดยเฉพาะ รวมถึงพิพิธภัณฑ์เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลการล่าอาณานิคมของเบลเยียมในอดีต
โดยรัฐบาลกลางเบลเยียม ซึ่งเป็นเจ้าของรูปปั้นกษัตริย์เลโอโปลด์ที่ 2 จะเป็นผู้ตัดสินใจ ขณะที่การเปลี่ยนแปลงอย่างการเปลี่ยนชื่อถนนจะอยู่ในอำนาจของการปกครองส่วนท้องถิ่นในกรุงบรัสเซลส์
รายงานของคณะกรรมการระบุว่า พื้นที่สาธารณะในบริเวณกรุงบรัสเซลส์ ถูกสร้างและพัฒนาขึ้นมาโดยสะท้อนถึงลัทธิล่าอาณานิคมในอดีต แต่ปัจจุบันไม่ควรเป็นเช่นนั้นแล้ว จึงต้องปรับเปลี่ยน
แต่ไม่ใช่เพื่อลืม – คณะกรรมการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการที่ประชาชนต้องรับรู้อดีตที่เกิดขึ้นทั้งหมด มากกว่าที่จะเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ รายงานชิ้นนี้สรุปว่า “ในฐานะที่เป็นเมืองหลวงในปัจจุบัน บรัสเซลส์สามารถเป็นจุดตั้งต้นของการเริ่มจดจำเพื่อทบทวนอดีตได้”
อ้างอิงจาก
https://www.independent.co.uk/news/world/europe/leopold-ii-statue-brussels-belgium-b2019716.html