แม้แต่สัตว์ใหญ่อย่างไดโนเสาร์ก็เป็นเหยื่อได้ นักวิจัยพบฟอสซิลจระเข้ยักษ์อายุกว่า 93 ล้านปีที่ในกระเพาะอาหารยังหลงเหลือซากไดโนเสาร์ที่มันกินเป็นมื้อสุดท้ายคาอยู่
จระเข้นักล่านี้มีชื่อว่า Confractosuchus sauroktonos หรือจระเข้นักฆ่าไดโนเสาร์ ตัวของมันมีความยาวประมาณ 2-2.5 เมตร และมีชีวิตอยู่ในยุคครีเทเชียส หรือเกือบๆ 100 ล้านปีก่อน เดิมทีเจ้าฟอสซิลของจระเข้ยักษ์นี้ถูกพบครั้งแรกในปี 2010 แต่นักวิจัยเพิ่งสรุปได้ว่า ‘ซาก’ อาหารที่หลงเหลืออยู่ในกระเพาะของมันคือลูกไดโนเสาร์ในกลุ่มออร์นิโธพอด (Ornithopods) ซึ่งเป็นกลุ่มกินพืช
โจเซฟ เบวิตต์ หนึ่งในนักวิจัยที่ทำโปรเจ็กต์นี้เปิดเผยว่า แม้ฟอสซิลจระเข้ที่พบจะอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ ส่วนหางและขาหลังหายไป แต่กระดูกกะโหลกศีรษะที่ยังมีฟันเหลืออยู่ช่วยตอกย้ำว่า เจ้าสัตว์ขนาดใหญ่ยักษ์นี้กินลูกไดโนเสาร์ไปเป็นอาหารมื้อท้ายๆ และข้อสันนิษฐานนี้ได้รับการยืนยันด้วยซากฟอสซิลของเหลือที่ยังหลงเหลืออยู่ในกระเพาะอาหาร
นักวิจัยระบุว่า แม้ไดโนเสาร์จะถูกกัด แต่ส่วนใหญ่โครงกระดูกของมันจะยังเชื่อมต่อกันอยู่หลังจากถูกกลืนเข้าไป ทำให้ฟอสซิลของเหยื่อที่ถูกพบสามารถยืนยันได้ง่ายขึ้นว่าเป็นไดโนเสาร์ จากที่ตามปกติแล้ว นักวิจัยจะไม่ค่อยพบซากของเหยื่อในกระเพาะอาหารของผู้ล่า โดยเฉพาะในจระเข้ที่กระเพาะอาหารจะมีกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง
จากการศึกษาโดยละเอียดพบว่า จระเข้ตัวนี้น่าจะกัดกระดูกโคนขาของออร์นิโธพอดอย่างแรง และทิ้งร่องรอยไว้บนกระดูกโคนขาของไดโนเสาร์ตัวน้อย แต่เนื่องด้วยฟอสซิลไดโนเสาร์นี้มีขนาดเล็กมากๆ นักวิจัยจึงใช้วิธีสแกนช่องท้องด้วยอุปกรณ์เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) และสร้างแบบจำลอง มิติออกมา ทำให้ทีมสามารถคำนวณออกมาได้ว่าออร์นิโธพอดตัวนี้น่าจะมีน้ำหนักเกือบ 1.7 กิโลกรัม
นักวิจัยสันนิษฐานว่า ไดโนเสาร์ตัวน้อยนี้ถูกจับกินในช่วงน้ำท่วมใหญ่ แต่หลังจากที่ผู้ล่ากินได้ไม่นาน มันก็ตาย ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่าการวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับจระเข้โบราณและอาหารมื้อสุดท้ายของมันจะช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับพฤติกรรมและการมีชีวิตของสัตว์โบราณเมื่อหลายล้านปีก่อนได้
อ้างอิงจาก
https://www.independent.co.uk/…/massive-dinosaur-killer…
https://www.sciencealert.com/this-ancient-australian…