“ยุน ซอกยอล ใช่ทรัมป์ของเกาหลีใต้หรือเปล่า?”
คือคำถามที่หนังสือพิมพ์ The Korea Herald ตั้งไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่เมื่อวานนี้ (9 มีนาคม) ชาวเกาหลีใต้จะพากันไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดีกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง คิดเป็น 77% จากประชาชนทั้งหมด 44 ล้านคน ขณะที่ในวันนี้ คะแนนของยุน เชือดเฉือนผู้สมัครจากพรรคเสรีนิยมอย่าง อี แจมยอง เพียง 2 แสนกว่าคะแนน หรือไม่ถึง 0.8% เท่านั้น
“ผลเลือกตั้งวันนี้คือชัยชนะของประชาชนของเรา แทนที่จะเป็นชัยชนะของผมหรือพรรค” ว่าที่ประธานาธิบดียุน แถลงประกาศชัยชนะ
การแข่งขันจบลงแล้ว และตอนนี้ผมคิดว่าเราควรจะมาทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อประชาชนและประเทศชาติของเรา
แต่การเมืองเกาหลีใต้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร หลังจากที่ฝ่ายอนุรักษนิยมกลับมาครองอำนาจอีกครั้ง? The MATTER ชวนอ่านประวัติ ที่มาที่ไป และนโยบายของยุน ซอกยอล เพื่อสำรวจความเป็นไปได้ของภูมิทัศน์ทางการเมืองเกาหลีใต้ หลังจากที่ยุคสมัยของมุน แจอิน สิ้นสุดลง
ยุน ซอกยอล วัย 61 ปี ถือว่าเป็น ‘นักการเมืองมือใหม่’ เพิ่งประกาศลงเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนมิถุนายน 2021 ที่ผ่านมาเท่านั้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เขาเคยทำงานในตำแหน่งอัยการสูงสุดของเกาหลีใต้มาก่อน – จึงไม่แปลกที่นักวิชาการหลายคนจะบอกว่า เขาเหมือน โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 44 ที่เข้ามาสั่นคลอนผู้มีอำนาจที่มีอยู่เดิม
ยุนเกิดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 1960 เป็นชาวกรุงโซลตั้งแต่กำเนิด จบการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล (Seoul National University) และแม้จะไต่เต้าขึ้นมาเป็นอัยการสูงสุด รวมถึงมีผลงานขึ้นชื่อคือการสอบสวนคนใกล้ชิดอดีตประธานาธิบดี พัก กึนฮเย จนทำให้พักต้องพ้นจากตำแหน่ง แต่รู้หรือไม่ว่า เขาต้องสอบเนติบัณฑิตถึง 9 ครั้ง กว่าจะสอบผ่านในปี 1991
ยุนเริ่มต้นชีวิตข้าราชการตั้งแต่ปี 1994 ในตำแหน่งอัยการประจำเขตทั้งในพื้นที่แทกู กรุงโซล และปูซาน เขาเคยทำงานเป็นทนายให้กับลอว์เฟิร์มแห่งหนึ่งในช่วงสั้นๆ ก่อนจะกลับมาเป็นอัยการอีกครั้ง และได้ทำงานในตำแหน่งสุดท้ายคือ อัยการสูงสุด ก่อนจะลาออกในปี 2019 และลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคพลังประชาชน (People Power Party) เมื่อปี 2021
สำหรับนโยบายที่ประกาศออกมา อาจจะเรียกได้ว่ามีหลายส่วนที่เป็นขั้วตรงข้ามกับประธานาธิบดีคนปัจจุบัน หลายฝ่ายมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการออกเสียงเพื่อชี้ให้เห็นด้วยซ้ำว่ารัฐบาลของมุน แจอิน ล้มเหลวอย่างไรบ้าง ทั้งในเรื่องราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งสูงเสียดฟ้า คดีอื้อฉาว การคอรัปชั่น และอีกมากมาย
ในด้านเศรษฐกิจ จึงไม่แปลกที่ยุนจะพูดถึงปัญหาราคาอสังหาริมทรัพย์ นโยบายของเขานั้นเรียกได้ว่า ฝ่ายสนับสนุนทุนนิยมจะต้องชื่นชอบ ยุนประกาศว่าจะใช้แนวทางแบบ ‘ใช้ตลาดเป็นตัวนำ’ ในการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ
เขาประกาศว่าจะลดภาษีอสังหาริมทรัพย์เพื่อกระตุ้นการซื้อขายบ้าน จะลดกฎเกณฑ์ข้อบังคับต่างๆ เพื่อให้ตลาดทำงานได้สะดวกขึ้น และจะกระตุ้นการสร้างงานผ่านภาคเอกชนแทนที่จะเป็นภาครัฐ รวมถึงจะยกเลิกการเก็บภาษีคนรวยที่มีรายได้จากการลงทุนมากกว่า 50 ล้านวอนด้วย
อีกเรื่องหนึ่งที่คนให้ความสนใจและได้กลายมาเป็นหนึ่งในประเด็นหลักในสมรภูมิการเมืองของเกาหลีใต้ คือ มุมมองเรื่องสิทธิสตรีของว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งแน่นอนว่า เป็นสิ่งที่ขบวนการเฟมินิสต์ในเกาหลีใต้ต้องกังวลอย่างหนัก เพราะที่ผ่านมา ยุนได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอยู่เรื่อยๆ เพื่อเอาใจฐานเสียงคนรุ่นใหม่เพศชายบางส่วนที่ต่อต้านเฟมินิสต์อยู่แล้ว
และที่สำคัญ ยุนชูนโยบาย ยุบ ‘กระทรวงความเท่าเทียมทางเพศและครอบครัว’ ซึ่งจากผลสำรวจก็พบว่า มีฐานเสียงต่อต้านเฟมินิสต์จำนวนมากต้องการให้ยุบกระทรวงดังกล่าว ขณะเดียวกัน เขาเคยเสนอว่า จะไม่เน้นการแก้ปัญหาตามประเด็นทางเพศ แต่จะใช้แนวทางการแก้ปัญหาแบบตามความต้องการของปัจเจกแต่ละคนมากกว่า
นอกจากนี้ คิม กอนฮี ภรรยาของยุน ยังเคยตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นนี้ เนื่องจากเธอเคยออกมาแสดงความเห็นว่า ที่ผู้หญิงเกาหลีใต้ในหลายๆ วงการต้องออกมาแฉการล่วงละเมิดทางเพศอยู่หลายครั้งหลายครานั้น เป็นเพราะว่า ผู้ชาย “ไม่ยอมจ่ายเงิน” ให้พวกเธอ
ส่วนประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจกันมากที่สุดอย่างเรื่องนโยบายการต่างประเทศ ก็บอกได้ชัดเจนว่า ยุนชูจุดยืนที่ ‘แข็งกร้าว’ มากขึ้น แน่นอนว่าเป็นขั้วตรงข้ามกับประธานาธิบดี มุน แจอิน ที่เน้นแนวทางแบบ ‘ความคลุมเครือทางยุทธศาสตร์’ (strategic ambiguity) ซึ่งหมายถึงการไม่แสดงออกชัดเจนว่าเข้าข้างฝ่ายใด รวมถึงที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นว่าประธานาธิบดีมุนพยายามเข้าหาเกาหลีเหนืออยู่หลายครั้ง
ขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ประกาศชัดว่าจะเปลี่ยนแนวทางเป็น ‘ความชัดเจนทางยุทธศาสตร์’ (strategic clarity) เข้าหาสหรัฐฯ และต่อต้านจีน–เกาหลีเหนืออย่างชัดเจน สะท้อนให้เห็นอยู่ในนโยบายที่ยุนประกาศออกมา เช่น จะจัดให้มีการซ้อมรบเกาหลีใต้–สหรัฐฯ บ่อยขึ้น จะจัดซื้อระบบป้องกันขีปนาวุธ THAAD จากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น และยังเรียกร้องให้สหประชาชาติ (UN) คว่ำบาตรเกาหลีเหนือจนกว่าจะปลดอาวุธนิวเคลียร์ เป็นต้น
ท้ายที่สุด หากกลับมาตอบคำถามตอนต้นว่า ยุนเหมือนทรัมป์หรือไม่ ก็คงตอบได้ว่าเหมือนบ้าง ทั้งในเรื่องของนโยบายการต่างประเทศที่ไม่ไว้หน้าใคร หรือการพูดจาที่หลายฝ่าย โดยเฉพาะผู้สนับสนุนสิทธิสตรี อาจจะมองว่าฟังไม่เข้าหูเสียเลย
แต่ก็คงต้องมาติดตามกันต่อว่า ยุน ซอกยอล – ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 20 ของเกาหลีใต้ในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ – จะทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ได้หรือไม่ รวมถึงประเด็นที่ว่า การต่อต้านจากประชาชนจะรุนแรงแค่ไหน เพราะจากการเลือกตั้งครั้งนี้ก็ได้เห็นแล้วว่า ประชาชนเสียงแตกออกเป็นครึ่งๆ และชนะกันด้วยเสี้ยวคะแนนเท่านั้น
อ้างอิงจาก