ทุกวันที่ 3 พ.ค. สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติกำหนดให้เป็น ‘วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก (World Press Freedom Day)’ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของเสรีภาพสื่อฯ
เพื่อให้สอดคล้องกับวันสำคัญดังกล่าว เรามีข่าวที่เกี่ยวข้องมานำเสนอ นั่นคือคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา โดยคณะอนุ กมธ.สิทธิเสรีภาพด้านสื่อสารมวลชนและสื่อสาธารณะ เตรียมจัดการประชุมออนไลน์ในช่วงบ่ายของวันพฤหัสที่ 5 พ.ค.นี้ เพื่อรับฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการปฏิบัตินหน้าที่ของสื่อฯ โดยหนึ่งในประเด็นที่จะคุยกันมีเรื่องร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. …. หรือ ‘ร่าง พ.ร.บ.สื่อ’
ทั้งนี้ ในหนังสือเชิญที่ลงนามโดยสมชาย แสวงการ ส.ว.แต่งตั้ง ในฐานะประธาน กมธ.สิทธิมนุษยชนฯ ระบุไว้ชัดเจนว่า “จำเป็นต้องมีกฎหมายว่าด้วยจริยธรรมสื่อฯ มารองรับ”
ชื่อร่างกฎหมายอ่านแล้วฟังดูดี แต่อยากให้ดูเนื้อใน เพราะมีปัญหาหลายอย่างๆ ที่อาจทำให้การส่งเสริมจริยธรรม กลายเป็นแฝงการควบคุมไป
หากยังจำกันได้ ร่าง พ.ร.บ.สื่อ เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบไปช่วงต้นปี 2565 ก่อนจะส่งมาให้สภาพิจารณาต่อ โดยสมาพันธ์สื่อไทยเพื่อประชาธิปไตย (DemAll) ออกแถลงการณ์คัดค้าน และมีนักวิชาการ-นักวิชาชีพสื่อฯ หลายสิบคนร่วมกันลงชื่อ
ร่างกฎหมายนี้มีปัญหาอย่างไรบ้าง The MATTER ขอสรุปให้ทุกคนอ่านกันอย่างเข้าใจง่าย (โดยไม่หลงทางไปกับชื่อของตัวร่าง พ.ร.บ.สื่อ)
1.) ร่าง พ.ร.บ.สื่อ แม้เนื้อหาโดยรวมจะดีขึ้นกว่าร่างกฎหมายชื่อคล้ายๆ กันสมัยรัฐบาล คสช. ไม่มีเรื่องสื่อต้องขอใบอนุญาต, ไม่มีบทลงโทษทางอาญา, กรรมการมีสัดส่วนคนจากภาครัฐน้อยลง แต่เนื้อหาบางจุดก็ยังมีข้อน่ากังวล
ดังเช่น
– หลายคนเข้าใจผิดว่า ร่าง พ.ร.บ.นี้จะใช้เฉพาะกับสื่อสายข่าวเท่านั้น จริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะโดยนิยาม ‘สื่อมวลชน’ หมายถึงใครก็ตามที่นำเสนอข้อมูลข่าวสารเพื่อประโยชน์สาธารณะ (ไม่ว่าจะแพล็ตฟอร์มใด) แล้วสามารถหารายได้จากตรงนั้นได้ นั่นแปลว่า จะรวมถึงพวกอินฟลูเอนเซอร์ ยูทูบเบอร์ บล็อกเกอร์ ติ๊กต๊อกเกอร์ ฯลฯ (มาตรา 3)
– เนื้อหาร่าง พ.ร.บ.นี้กำหนดไว้เลยว่า สื่อฯ มีเสรีภาพ..แต่การใช้เสรีภาพนั้น “ต้องไม่ขัดต่อหน้าที่ปวงชนชาวไทยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน” ซึ่งน่าสนใจคำว่า คำว่าหน้าที่ปวงชนชาวไทย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ถูกภาครัฐในยุคหลังๆ นำมาใช้ปิดกั้นการแสดงออกไปเท่าไรแล้ว ในช่วงเวลาที่ผ่านมา (มาตรา 5)
– สภาวิชาชีพสื่อ ที่จะตั้งมาตามร่าง พ.ร.บ.นี้จะได้รับเงินจากภาครัฐ ปีละ 25-200 ล้านบาท ไม่รวมถึงจะได้เงินจัดสรรจาก พรบ.งบประมาณอีก (มาตรา 8-9) แล้วคิดว่า ภาครัฐจะให้เงินนมาใช้ฟรีๆ โดยไม่เข้ามาวุ่นวายหรือใช้อิทธิพลแทรกแซง
– กรรมการสภาวิชาชีพสื่อ มีที่มาจากคนในวงแคบ (หมวด 3) อาจทำให้เกิดปัญหาเรื่องประโยชน์ทับซ้อนของคนในแวดวงสื่อ
ฯลฯ
2.) ร่าง พ.ร.บ.สื่อ ขาดการมีส่วนร่วมจากคนในแวดวงสื่อฯ โดยรวม (อย่าว่าแต่อินฟลูฯ หรือผู้นำเสนอข่าวสารอื่นๆ ที่เข้าข่าย) มีเพียงคนจากองค์กรวิชาชีพสื่อไม่กี่คนเข้าไปร่วมแสดงความเห็น โดยขาดฉันทามติจากวงการสื่อมวลชนส่วนใหญ่ สื่อฯ เกือบทั้งหมดเพิ่งรู้ว่ามีร่างกฎหมายนี้อยู่ ในวันที่ ครม.มีมติเห็นชอบ
3.) ร่าง พ.ร.บ.นี้ถูกเสนอโดยอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปประเทศ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาตรา 270 มีโอกาสที่จะถูกเสนอเข้าพิจารณาในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่ ส.ส.เลือกตั้ง จะทำงานร่วมกับ ส.ว.ซึ่งคณะรัฐประหารแต่งตั้งมา
และอย่างที่ปรากฎข่าวอยู่ตลอดว่า ผู้มีอำนาจที่มาจาก คสช. ได้พยายามปิดกั้นสื่อฯ อยู่ตลอดเวลา ด้วยหลากหลายวิธีการ เช่น เคยปิดเฟซบุ๊กช่วงหนึ่งหลังยึดอำนาจ, มีแนวคิดจะใช้ Single Gateway คุมโลกออนไลน์, เคยขอให้ศาลสั่งปิด 4 สื่อออนไลน์, อาศัย พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกข้อกำหนดที่ 29 ให้ กสทช.ปิด IP Address เว็บได้ทันที ฯลฯ
เมื่อร่าง พ.ร.บ.นี้ถูกเสนอเข้าสู่สภา แม้เนื้อหาดั้งเดิมจะดีขึ้น แต่ไม่มีใครแน่ใจเลยว่า จะไม่ถูกสอดไส้จากคนบางกลุ่มให้เข้ามาควบคุมดูแลการทำงานของสื่อฯ มืออาชีพได้
4.) สื่อฯ มืออาชีพไม่มีใครปฏิเสธการทำงานภายใต้หลักจรรยาบรรณ-จริยธรรม แต่การออกกฎหมายมากำกับดูแลสื่อฯ โดยที่ภาครัฐอาจสอดไส้เข้ามามีบทบาทด้วย มีตัวอย่างจากกรณี กสทช.ใช้อำนาจตามมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ในช่วงที่ผ่านมา กับสื่อโทรทัศน์บางช่องที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐอย่างต่อเนื่อง จนถูก ‘จอดำ’ อย่างต่อเนื่อง
5.) ถามว่าปัจจุบัน ไม่มีกลไกกำกับดูแลสื่อฯ เลยหรือ คำตอบคือไม่ใช่ เพราะสามารถใช้กฎหมายหลายๆ ฉบับ เช่น ประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ร.บ.สาธารณสุข ฯลฯ ฟ้องร้องได้หากใครเห็นว่าถูกละเมิดสิทธิ หรือใช้กลไกขององค์กรวิชาชีพสื่อที่จะตรวจสอบกันเองได้
หากไม่จับตาให้ดี ที่สุดแล้ว กฎหมายที่อ้างว่า ออกมาเพื่อส่งเสริมจริยธรรมของสื่อฯ อาจถูกบิดให้กลายเป็นกฎหมายปิดปากสื่อฯ ที่เน้นวิพากษ์วิจารณ์รัฐไปได้
และหากเป็นเช่นนั้น คนที่จะได้ประโยชน์จะไม่ใช่ประชาชนส่วนใหญ่แน่ๆ
– ดูเนื้อหาร่าง พ.ร.บ.สื่อทั้งหมด ได้ที่: https://drive.google.com/file/d/1vjDJp8JqF6JtZObAae3ZojE8ul5i4jd_/view?usp=sharing
#Brief #TheMATTER