ฟอตี้ฟายไรต์ (Fortify Rights) องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน เปิดเผยหลักฐานคลิปวิดีโอที่บันทึกจากฝั่งเมียนมา บริเวณพรมแดนไทย–เมียนมา เผยให้เห็นทหายไทยในเครื่องแบบกำลังรื้อสะพานที่ผู้ลี้ภัยจากเมียนมาใช้เดินทางข้ามมายังฝั่งไทย เพื่อหลบหนีการทำร้ายจากรัฐบาลทหารเมียนมา โดยยืนยันว่าเป็นภาพที่มีการบันทึกไว้จริงในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา
ในวิดีโอปรากฏให้เห็นทหารไทยใช้มีดพร้าฟันสะพาน ขณะที่อีกนายช่วยรื้อสะพาน จนกระทั่งในท้ายที่สุด ทหารได้รื้อสะพานออกทั้งหมด ฟอร์ตี้ฟายไรต์ระบุว่า ในวิดีโอยังได้ยินเสียงประชาชนพูดภาษากะเหรี่ยงและเด็กทารกกำลังร้องไห้ แต่ไม่เห็นภาพพวกเขาในวิดีโอ
ตอนหนึ่งในวิดีโอ ยังมีเสียงทหารไทยนายหนึ่งพูดข่มขู่ด้วยว่า “ถ่ายอะไรวะ ไอ้เหี้ยนี่ มึงอยากตายเหรอ?” (ดูวิดีโอได้ที่นี่)
ทั้งนี้ ฟอร์ตี้ฟายไรต์ยืนยันอีกด้วยว่า สะพานเดียวกันนี้ มีกลุ่มผู้ลี้ภัยใช้เดินทางข้ามจริง จากที่องค์กรได้รับวิดีโออีกไฟล์ที่ถ่ายเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2565 ปรากฏให้เห็นคนอย่างน้อย 45 คนกำลังเดินทางข้ามสะพานอย่างเร่งรีบ ประกอบด้วยผู้หญิง ผู้ชาย และเด็ก พร้อมกับแบกกระสอบที่คาดว่าเป็นสัมภาระและเสบียงอาหาร
นอกจากนี้ ฟอร์ตี้ฟายไรต์ยังอ้างถึงคำบอกเล่าของแหล่งข่าว ยืนยันว่าสะพานดังกล่าวถูกใช้โดยผู้ลี้ภัยเมียนมาที่หลบหนีจากความรุนแรงในประเทศ ขณะที่ผู้ทำงานด้านการบรรเทาทุกข์ใช้สะพานเพื่อเป็นเส้นทางขนส่งความช่วยเหลือที่จำเป็นเข้าไปในเมียนมา
ในใบแจ้งข่าวของฟอร์ตี้ฟายไรต์ มีการอ้างถึงการสัมภาษณ์ทหารไทยนายหนึ่งบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเมย บริเวณพรมแดนไทย–เมียนมา ระบุว่า เขาได้รับคำสั่งขัดขวางไม่ให้ผู้ลี้ภัยเมียนมาเดินทางข้ามแม่น้ำมาฝั่งไทยได้ ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานว่า ทางการไทยได้บังคับส่งผู้ลี้ภัยหลายพันคนกลับไปยังเมียนมา รวมถึงมีรายงานการจับกุมและควบคุมตัวผู้ลี้ภัยโดยพลการ
นอกจากการสกัดผู้ลี้ภัย ยังมีรายงานของสำนักข่าว AP ที่ระบุว่า มีการออก ‘บัตรตำรวจ’ ให้กับผู้ลี้ภัย ในราคาเฉลี่ยเดือนละ 350 บาท ผ่านนายหน้าคนกลาง ซึ่งมีผู้ลี้ภัยหลายคนจ่ายเงินซื้อเอกสารเพราะเชื่อว่าจะไม่โดนจับกุมหากมีบัตรตำรวจไว้กับตัว
อย่างไรก็ดี ฟอร์ตี้ฟายไรต์เปิดบทสัมภาษณ์ผู้ลี้ภัยรายหนึ่งจากเมียนมาที่กล่าวถึงเอกสารดังกล่าวว่า “บัตรตำรวจที่เราใช้ ไม่ได้เป็นหลักประกันหรือให้ความปลอดภัยอะไร แต่เราต้องซื้อบัตรนี้เพราะคนอื่นๆ ก็ใช้บัตรตำรวจแบบเดียวกัน เราได้ยินมาว่า ถ้าแสดงบัตรนี้ เราจะไม่โดนจับ” ซึ่งการกระทำดังกล่าว ฟอร์ตี้ฟายถือว่าเข้าข่าย ‘ใช้อำนาจรีดไถเงิน’
สำหรับหลักฐานการทำลายสะพานข้ามพรมแดนที่ปรากฏ ฟอร์ตี้ฟายไรต์เรียกร้องต่อรัฐบาลไทยให้ดำเนินการตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงเรียกร้องให้ตรวจสอบเหตุจับกุมตัวผู้ลี้ภัยโดยพลการด้วย
เอมี สมิธ ผอ.บริหารของฟอร์ตี้ฟายไรต์ แถลงว่า “รัฐบาลไทยควรรับประกันว่าจะมีการสืบสวนเหตุที่เกิดขึ้นในบริเวณพรมแดน เพื่อเป็นการให้การคุ้มครองสิทธิของผู้ลี้ภัย ไม่ใช่ละเมิดสิทธิของพวกเขามากขึ้นไปอีก”
ส่วนกรณีของการรีดไถผู้ลี้ภัยผ่านระบบ ‘บัตรตำรวจ’ สมิธระบุว่า “รัฐบาลไทยควรกำหนดมาตรฐานอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ เพื่อออกบัตรประจำตัวให้กับผู้ลี้ภัย เพื่อให้ความคุ้มครองอย่างแท้จริง” ทั้งนี้ รัฐบาลไทยควรจำแนกและรับรองสถานะของผู้ลี้ภัยในพรมแดนตามมาตรฐานระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันการรีดไถและการปฏิบัติมิชอบอย่างอื่น
สมิธแถลงทิ้งท้ายว่า นี่เป็นโอกาสของไทย “ที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่มีต่อผู้ลี้ภัยจากเมียนมา และปฏิบัติตนให้เป็นตัวอย่างในระดับสากล” นอกจากนี้ “รัฐบาลของประเทศที่เกี่ยวข้องควรสนับสนุนให้รัฐบาลไทยดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อคุ้มครองผู้ลี้ภัยจากเมียนมา และผู้พลัดถิ่นบริเวณพื้นที่ชายแดน”
อ้างอิงจาก
https://www.fortifyrights.org/tha-inv-2022-05-03
https://www.youtube.com/watch?v=2qbFYUk_0Sc