โรคระบาด สงครามรัสเซีย-ยูเครน ความถดถอยของเศรษฐกิจโลก หรือความล่มสลายของธรรมชาติ คุณอยากบอกเรื่องราวใดไปถึงคนในอีก 100 ปีไหม? ล่าสุด ไอร์แลนด์เปิดให้ประชาชนกรอกข้อความอะไรก็ได้ที่ช่องแคปซูลกาลเวลา (Time capsule) ในแบบสำรวจสำมะโนประชากร และจะไม่เปิดจนกว่าจะถึงปี 2665
ปกติแล้วไอร์แลนด์จะสำรวจสำมะโนทุกๆ 5 ปี นอกจากเขียนแล้ว ชาวไอร์แลนด์สามารถวาดรูปลงไปในช่องว่างที่เว้นไว้เปล่าๆ ที่ท้ายสำมะโนได้ โดยช่องแคปซูลกาลเวลานี้จะถูกเก็บไว้ และเปิดเผยในอีก 100 ปีข้างหน้า (หรือในปี 2665)
Eileen Murphy หัวหน้าฝ่ายสำรวจสำมะโนไอร์แลนด์ระบุว่า การใส่ช่องแคปซูลกาลเวลาในเอกสารสำรวจสำมะโนของไอร์แลนด์นี้น่าจะเป็นครั้งแรกในโลก และยังบอกด้วยว่าแนวทางปฏิบัตินี้อาจช่วยลดการต่อต้านกระบวนการเก็บข้อมูลสำมะโนของรัฐบาล ที่บางคนมองว่าละเมิดและก้าวก่ายข้อมูลส่วนตัว
ต่างคนต่างใช้พื้นที่บันทึกกาลเวลานี้แตกต่างกันออกไป โดยพื้นที่นี้กลายเป็นพื้นที่เล่าเรื่องให้ผู้อ่านในอนาคตฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างครอบครัว คนรัก ไปจนถึงเรื่องสำคัญในโลกอย่างปัญหาสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง วิกฤต COVID-19 ไปจนถึงสงครามยูเครน-รัสเซีย
เช่น Amy Dutil-Wall หนึ่งในผู้ตอบแบบสำรวจสำมะโนของไอร์แลนด์เขียนระลึกถึงลูกสาวที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อ 5 ปีก่อน โดย Wall โพสต์เนื้อหาที่เขียนลงในทวิตเตอร์ มีข้อความส่วนหนึ่งระบุว่า “Eslin คือลูกสาวคนแรกและเป็นที่รักของเรา เธอไม่เคยถูกนับในสำมะโน และพวกเรารู้สึกดีใจที่สามารถเอ่ยถึงเธอในสำมะโนได้ เธอเป็นเด็กที่สวย มีความคิดสร้างสรรค์ ฉลาด และมีความมั่นใจเกินวัย พวกเราดีใจที่ได้เป็นพ่อแม่ของเธอ และดีใจที่ยังคงได้ระลึกถึงเธอไปตลอดชั่วชีวิต”
หรือ David Hayden ชายพ่อลูกสองเขียนลงในสำมะโนว่า “ปี 2565 คือช่วงเวลาแห่งความกังวล พวกเราหวังว่าช่วงเวลากับ COVID-19 จะสิ้นสุดลง แต่มันก็พรากน้องสาวคนเล็กของผมไปเมื่อปีก่อน และการบุกรุกยูเครนของปูตินเป็นสิ่งที่พวกเรากังวลมาก โอกาสที่จะเกิดสงครามโลกดูจริงมากๆ” โดยเขาหวังว่าหลานของลูกสาวเขาอาจได้อ่านข้อความในแคปซูลกาลเวลานี้ในช่วงเวลาที่สงบสุขและมีความสุขกว่านี้ และยังฝากข้อความเตือนด้วยว่าโลกนี้ไม่ใช่ของเรา ให้ดูแลและส่งต่อไปยังรุ่นหลังด้วย
Gerard O’Neill หัวหน้าบริษัทวิจัยชั้นนำแห่งหนึ่งในไอร์แลนด์เผยว่า ในแคปซูลการเวลา ผู้คนมักจะพูดถึงครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ ข้อมูลที่ถูกส่งมาอาจเป็นแนวทางในการแก้ไขประเด็นปัญหาใหญ่ๆ ได้ โดยผู้ออกแบบนโยบายอาจนำเอาทัศนคติของคนที่ปรากฎในแคปซูลกาลเวลามาประกอบการออกแบบนโยบายและการตัดสินใจในระยะยาวได้
O’Neill ยังระบุอีกว่า 51% จากคนที่ใส่ข้อความลงไปในช่องแคปซูลกาลเวลามักจะเขียนถึงลูกหลานตัวเองในอนาคต และในจำนวนที่ใกล้ๆ กันก็เขียนถึงคนไอร์แลนด์ทั่วไป 20% บอกว่าเขียนให้นักประวัติศาสตร์ ในขณะที่ 7% เผยว่าไม่ได้เขียนถึงใครเป็นพิเศษ
อ้างอิงจาก
https://www.nytimes.com/2022/04/29/world/europe/ireland-census-time-capsule.html
https://twitter.com/AmyKDWall/status/1510917821215170563
https://twitter.com/Pollythicks/status/1510725638285578240
#Brief #TheMATTER