เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา ชาวสวิสส่วนใหญ่ (60.2%) ได้ออกเสียงในการลงประชามติครั้งหนึ่งที่ถือว่าเป็นชัยชนะของฝ่ายรัฐบาล นั่นคือ การเห็นชอบให้ปรับระบบใหม่ ที่ถือว่าผู้ตายยินยอมบริจาคอวัยวะโดยอัตโนมัติ หากไม่ได้ทำพินัยกรรม หรือไม่มีญาติคัดค้าน
วิธีการทำงานของระบบแบบใหม่ เรียกว่า ‘opt out’ นั่นคือ ผู้ไม่ประสงค์บริจาคอวัยวะต้องมีการแจ้งเจ้าหน้าที่อย่างชัดเจน ตรงกันข้ามกับระบบแบบ ‘opt in’ พูดอีกอย่างคือ เจ้าหน้าที่จะถือว่าผู้ตาย ‘ให้ความยินยอมไว้ก่อน’ (presumed consent) ยกเว้นแต่ว่าจะมีการคัดค้านจากเจ้าตัวก่อนเสียชีวิต หรือญาติๆ
หากบังคับใช้แล้ว ระบบแบบใหม่จะใช้กับประชากรที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปเท่านั้น ขณะที่เงื่อนไขทางการแพทย์ยังเหมือนเดิม คือ มีแค่ผู้ที่เสียชีวิตในห้อง ICU ของโรงพยาบาลเท่านั้นที่จะบริจาคอวัยวะได้ และต้องมีแพทย์ 2 คนยืนยันการเสียชีวิต
สำหรับชัยชนะในครั้งนี้ ฟรันซ์ อิมเมอร์ ผอ.องค์กร Swisstransplant ให้ความเห็นว่า “ประชาชนได้แสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขาพร้อมที่จะให้โอกาสผู้ป่วยที่กำลังอยู่ในทะเบียนรอรับอวัยวะ (waiting list)”
ข้อมูลจากปี 2021 ระบุว่า มีผู้ป่วยรอรับอวัยวะอยู่มากกว่า 1,400 ราย ขณะที่มีผู้บริจาคอวัยวะ 166 ราย มีการปลูกถ่ายอวัยวะจากการบริจาค 484 ครั้ง และมีผู้เสียชีวิตขณะรอรับอวัยวะ 72 ราย โดยอิมเมอร์ก็มองว่า การเปลี่ยนแปลงกฎน่าจะช่วยชีวิตผู้ป่วยได้มากขึ้นต่อไปในอนาคต
ส่วนในขั้นตอนต่อไป รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องแจ้งประชากรวัยผู้ใหญ่ทั้งหมดจำนวน 6 ล้าน เพื่อให้ทราบถึงสิทธิและหน้าที่ที่จะเปลี่ยนไปตามกฎใหม่ และจะต้องมีการจัดทำฐานข้อมูลทะเบียนสำหรับการบริจาคอวัยวะใหม่ด้วย
สำนักงานสาธารณสุขของรัฐบาลกลางสวิตเซอร์แลนด์ (Federal Office of Public Health) ระบุว่า ระบบใหม่น่าจะนำมาใช้ได้จริงได้เร็วที่สุดในปี 2024
อ้างอิงจาก
https://www.theguardian.com/world/2022/may/16/switzerland-votes-for-organ-donation-by-default
https://www.swissinfo.ch/eng/politics/voters-weigh-up-ethical-aspects-of-organ-donation/47584662