วันนี้ (27 ก.ค. 65) พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล แถลงข่าวเผยหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่ามีหน่วยงานรัฐใช้สปายแวร์ ‘เพกาซัส’ จริง หลังเขาอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ถึงกรณีการใช้สปายแวร์โจมตีประชาชนเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้า
พิจารณ์นำเอกสารพิจารณางบประมาณประจำปี 2566 ของโครงการ ‘จัดหาระบบรวบรวมและประมวลผลข่าวกรองชั้นสูง’ ของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) งบประมาณ 350 ล้านบาท มาเป็นเครื่องยืนยันว่าตนพูดจริง
พิจารณ์เผยว่า จากเอกสารพบว่ามีการเสนอราคาอุปกรณ์จากยี่ห้อ ’Q Cyber’ ซึ่งเป็นชื่อบริษัทลูกของ NSO ผู้ผลิตเพกาซัส เขาระบุด้วยว่าคุณสมบัติที่อธิบายไว้ในเอกสารตรงกับศักยภาพของเพกาซัสทุกประการ เช่น เอกสารระบุว่าเทคโนโลยีนี้สามารถติดตั้งสปายแวร์บนอุปกรณ์ของเป้าหมายได้โดยที่เป้าหมายไม่อาจรู้ตัวและอยู่ในอุปกรณ์ของเป้าหมายได้แม้จะเปลี่ยนซิมการ์ดก็ตาม
นอกจากนี้ เอกสารระบุด้วยว่า เทคโนโลยีนี้สามารถรวบรวมข้อมูลรายชื่อ ประวัติการโทร ประวัติการค้นหา รูปภาพ ตำแหน่ง ตลอดจนสั่งการเปิด–ปิดไมค์ของอุปกรณ์เพื่อดักฟัง และการสั่งการถ่ายภาพหน้าจอ–ถ่ายภาพจากกล้องของอุปกรณ์เป้าหมายได้ ซึ่งพิจารณ์ชี้ว่าตรงกับคุณสมบัติเพกาซัสที่ตนเคยอภิปรายอีกเหมือนกัน
พิจารณ์อธิบายเพิ่มเติมถึงสิ่งที่ระบุในเอกสารว่า ที่ต้องขอสปายแวร์ใหม่เพราะตัวเดิมเจาะได้แค่ iOS 12 อันทำให้ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ระบุว่าสปายแวร์อื่นก่อนหน้า ยังมีศักยภาพได้ไม่ดีเท่าตัวใหม่
“ทั้งหมดนี้คือเอกสารที่เปิดเผยเพื่อยืนยันว่าที่อภิปรายไปคือข้อเท็จจริง ว่ารัฐบาลจัดหาครอบครองสปายแวร์ตั้งแต่ RCS, Circles, และเพกาซัส” พิจารณ์กล่าว เขาให้ความคิดเห็นเพิ่มเติมด้วยว่า การชี้แจงในสภาของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นการบิดเบือนและพยายามบ่ายเบี่ยง
“สตช. จะมีสปายแวร์ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะก็มีความจำเปนในการตรวจสอบเรื่องยาเสพติด ในคำของบประมาณระบุด้วยซ้ำว่าการใช้แต่ละครั้งต้องขออนุญาตศาลก่อนถึงจะทำการสอดแนมได้ นี่เป็นเรื่องที่ผมยอมรับได้ แต่คำถามคือถ้ามัน [สปายแวร์ Circles และเพกาซัส] ขายให้รัฐบาลเท่านั้น ใครกันที่โจมตี 35 คนที่มีนักกิจกรรม นักวิชาการ นักการเมือง และ Ngo” พิจารณ์กล่าว
ทั้งนี้ พิจารณ์อธิบายว่า สตช. กำลังใช้สปายแวร์ผิดวัตถุประสงค์เพราะนำมาใช้กับประชาชน และเขาย้ำถึงรายงานของ Citizen lab อีกครั้งว่า ไม่ได้มีแค่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเท่านั้นที่ใช้งาน แต่ยังมี กอรมน. และ หน่วยข่าวกรองกองทัพบก ที่ก็ใช้งานสปายแวร์ด้วย
“จากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป ผมเชื่อว่ายังไงแล้ว ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิดไม่มิด ต่อไปเราก็จะรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานเพิ่มเติมและนำไปสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป” พิจารณ์ทิ้งท้าย
สามารถเอกสารฉบับเต็มได้ ที่นี่: https://www.moveforwardparty.org/wp-content/uploads/2022/07/Pegasus-document.pdf?fbclid=IwAR1juQbXOe-lZbpmzSGzZ5HIbLGoRa2jgmRMjzqch9lY1-TBD6F47UtuyGY
อ้างอิงจาก
https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/videos/1050206945625087