อาจจะเคยได้ยินกันมาอยู่บ้างว่า มนุษย์ทุกคนจะมีคนที่หน้าเหมือนเราแบบเป๊ะๆ อยู่อีก 7 คนบนโลก โดยที่ไม่ได้เป็นฝาแฝดกันหรือมีความเกี่ยวข้องใดๆทางด้านเชื้อสายครอบครัวเลย โดยนักวิทยาศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ดอพเพลแกงเกอร์ (doppelgänger)
คงจะน่าสนใจไม่น้อยหากตัวเราได้พบคู่ที่เป็น ดอพเพลแกงเกอร์ของเรา แต่กลุ่มคนที่สนใจปรากฏการณ์เหล่านี้มากกว่าเราก็คงจะหนีไม่พ้นกลุ่มนักวิจัยที่มีคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ ดอพเพลแกงเกอร์ ว่าปรากฏการณ์นี้เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือว่าเกิดจากสภาพแวดล้อมที่หล่อหลอมให้คนเรามีหน้าตาที่เหมือนกันแบบเป๊ะๆ กันแน่นะ
ซึ่งสำนักข่าว CNN รายงานว่า ดร.มาเนล เอสเตเยอร์ จากศูนย์วิจัยโรคลูคีเมียโจเซฟ กาเรร่า เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน ก็เป็นผู้ที่ได้รึเริ่มทำการวิจัยเพื่อหาคำตอบให้แก่ข้อสมมุติฐานนี้ โดยผลการทดลองในเบื้องต้นจากคู่ดอพเพลแกงเกอร์ที่เข้าร่วมการทดลอง 32 คู่นั้นน่าสนใจมากว่านอกจากพวกเขาจะมีหน้าตาที่เหมือนกันแล้วก็กลับมี สารพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ ที่เหมือนกันอีกด้วย
ทีมนักวิจัยได้เริ่มการทดลองโดยการใช้เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าวิเคราะห์ใบหน้าของผู้เข้าร่วมทดลองโดยพบว่า 16 คู่จาก 32 คู่ ระบบตรวจจับใบหน้าไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นบุคคลคนละคนกัน หลังจากนั้นนักวิจัยจะศึกษา สารพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ ของคู่ที่ระบบตรวจจับใบหน้าไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างได้
ผลการศึกษาพบว่าผู้เข้าร่วมทดลองในกลุ่มนี้มีสารพันธุกรรมที่เหมือนกันโดยเฉพาะดีเอ็นเอที่ทำหน้าที่กำหนดรูปร่างของจมูก ปาก และ ดวงตา
ดร.มาเนล เอสเตเยอร์ กล่าวว่าผลการทดลองในเบื้องต้นอาจบ่งชี้ได้ว่าเนื่องจากในปัจจุบันโลกของเรามีประชากรเป็นจำนวนมากทำให้มนุษย์ผลิตสารพันธุกรรมที่ซ้ำกันขึ้นมา จนเป็นเหตุให้เราพบเจอกับปรากฏการณ์ ดอพเพลแกงเกอร์
ทีมนักวิจัยได้ศึกษาลึกลงไปยังพบว่าแม้จะมีดีเอ็นเอที่เหมือนกันแต่การทำงานยังคงแตกต่างกัน ซึ่งทำให้เข้าใจได้ว่าถึงแม้จะมีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกันก็อาจจะมีอุปนิสัยคล้ายกันด้วยก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ผลการทดลองนี้ยังมีข้อจำกัดอยู่มากเนื่องจากจำนวนของกลุ่มตัวอย่างที่เข้าร่วมการทดลองยังน้อยเกินไปแค่ 32 คู่หรือ 64 คนเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นการทดลองจากกลุ่มผู้ี่มีเชื้อสายยุโรปเป็นหลักอีกด้วย ซึ่งเมื่อเทียบกันกับจำนวนประชากรทั่วทั้งโลกแล้วถือว่ายังห่างไกลอยู่มากที่ผลการทดลองนี้จะสามารถเป็นข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ได้
อ้างอิงจาก