‘สูญเสียขนาดนี้ คงสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้างแหละน่ะ’
หลายคนคงมีความหวังเล็กๆ ว่า โศกนาฎกรรมสะเทือนขวัญใดๆ อาจทำให้บางหน่วยงานรัฐที่ปรับตัวช้า ไม่สนใจความเปลี่ยนแปลง หรือซ่อนอะไรบางอย่างไว้ใต้พรม ยอมขยับทำอะไรให้ดีขึ้นบ้าง – แต่กรณีที่เราจะยกมาเป็นตัวอย่าง น่าจะทำให้หลายๆ คนเตรียมผิดหวังไว้ล่วงหน้า
หลังเกิดเหตุ ‘กราดยิงหนองบัวลำภู’ เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2565 ก็มีคนไปเทียบเคียงกับเหตุ ‘กราดยิงโคราช’ ระหว่างวันที่ 8-9 ก.พ.2563 ด้วยหลายองค์ประกอบ
หากใครยังจำกันได้ เหตุการณ์ที่ จ.นครราชสีมาครั้งนั้น จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ทหารค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ก่อเหตุยิงผู้บังคับบัญชาและแม่ยาย จากปัญหาเรื่องการกู้เงินไปซื้อบ้าน ก่อนจะขับรถยนต์เข้าไปปล้นปืนจากคลังแสงของค่ายทหาร และก่อเหตุยิงผู้คนรายทาง กระทั่งไปถึงห้างสรรพสินค้า Terminal 21 Korat ได้จับประชาชนบางส่วนเป็นตัวประกัน ก่อนถูกยิงสามัญในเช้ามืดวันถัดมา รวมจำนวนผู้เสียชีวิต 31 คน (นับรวม จ.ส.อ.จักรพันธ์)
ครั้งนั้น ปมปัญหาบางส่วนมาจากเรื่อง ‘ที่พักอาศัย’ ของข้าราชการทหาร ทำให้หลังเกิดเหตุไม่กี่วัน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ขณะนั้น ประกาศว่าจะให้ทหารที่เกษียณไปแล้วแต่ยังใช้บ้านพักสวัสดิการของหน่วยงาน (บ้านหลวง) ต้องย้ายออกทันที ยกเว้นผู้ที่ยังทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ
ผู้สื่อข่าว The MATTER เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว จึงทำหนังสือขอข้อมูลมาประกอบการรายงานข่าว เป็น ‘จำนวน’ ทหารที่เกษียณไปแล้วแต่ยังใช้บ้านหลวงอยู่จนถึงสิ้นปี 2562 (และจำนวนผู้ที่ต้องย้ายออกหลังจากนั้น) โดยขอ ‘รายชื่อ’ เฉพาะคนที่มีชั้นยศนายพลขึ้นไป
แต่ผ่านมา 2 ปีครึ่ง นอกจากได้ตัวเลข ‘จำนวน’ แบบคร่าวๆ มา กองทัพบก (ทบ.) ก็ยังปฏิเสธที่จะเปิดเผย ‘รายชื่อ’ อดีตทหารยังอยู่บ้านหลวง โดยไม่ให้ชื่อใครมาเลยแม้แต่คนเดียว ยกเว้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ยอมรับกับสื่อเองว่า ยังใช้บ้านหลวงอยู่แม้เกษียณมาหลายปีแล้ว
ทบ.เคยอ้างว่า รายชื่ออดีตทหารที่ยังใช้บ้านหลวงอยู่ถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องได้รับความยินยอมจากบุคคลนั้นๆ ก่อน รวมถึงอ้างระเบียบว่าด้วยความลับราชการ แต่ก็ถูกกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร (กวฉ.) ชุดที่มี อ.ธงทอง จันทรางศุ เป็นประธาน สั่งให้ต้องเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ซึ่งตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร คำวินิจฉัยของ กวฉ. ให้ถือเป็นที่สุด แต่เวลาก็เดินไปเรื่อยๆ โดยไม่มีใครใน ทบ.ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยดังกล่าว
ที่คิดว่า เหตุนองเลือดอาจทำให้ ทบ.เปลี่ยนแปลงอะไรไปได้บ้าง ผ่านมา 2 ปีครึ่งแล้ว ก็ยังไม่มีอะไรพิสูจน์อย่างเป็นรูปธรรม
-ข้อมูลดิบ- การขอรายชื่อทหารเกษียณยังอยู่บ้านหลวง หลังเหตุกราดยิงโคราช โดยผู้สื่อข่าว The MATTER
8-9 ก.พ.2563 เกิดเหตุกราดยิงโคราช มีผู้เสียชีวิต 31 ราย
20 ก.พ.2563 ยื่นขอชื่อทหารเกษียณยังอยู่บ้านหลวงทางไปรษณีย์ (แต่ ทบ.อ้างว่าไม่ได้รับเอกสาร)
21 พ.ค.2563 ไปยื่นหนังสือขอที่ ทบ. ด้วยตัวเอง ขอข้อมูล 4 รายการ
- ‘จำนวน’ อดีตทหารที่ยังอยู่ในบ้านพักสวัสดิการ กับ ’รายชื่อ’ ชั้นยศนายพลขึ้นไป ข้อมูลสิ้นปี 2562
- ‘จำนวน’ อดีตทหารที่ยังอยู่ในบ้านพักสวัสดิการ กับ ’รายชื่อ’ ชั้นยศนายพล ที่ถูกขอให้ย้ายออก หลังเหตุกราดยิงโคราช
- ‘จำนวน’ อดีตทหารที่ยังอยู่ในบ้านพักสวัสดิการ กับ ’รายชื่อ’ ชั้นยศนายพล ที่ยังได้อยู่ต่อ ด้วยอ้างว่าทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ
- หลักเกณฑ์และเหตุผลในการพิจารณาว่า อดีตทหารคนนั้นๆ ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างไร
19 มิ.ย.2563 ร้องเรียนเปิดเผยข้อมูลล่าช้า
1 ก.ย.2563 #ตอบ1 พล.ต.ไกรภพ ไชยพันธุ์ เลขานุการกองทัพบก ส่งหนังสือตอบ
- หลักเกณฑ์เป็นไปตาม ผบ.หน่วย ที่ยึดแนวทางการจัดระเบียบการเข้าพักอาศัยในบ้านหลวงของส่วนกลาง
- ให้ ‘จำนวน’ สิ้นปี 2562 มีอดีตทหารชั้นยศนายพล (จริงๆ ขอจำนวนทั้งหมด ไม่ว่าจะชั้นยศใด ที่เอารายชื่อคือชั้นยศนายพลขึ้นไป) ยังอยู่ในบ้านหลวง 108 คน จะย้ายออกในสิ้นปีงบประมาณปี 2563 รวม 86 คน ส่วนคนที่ยังอยู่ เพราะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ เช่น นายกฯ รมต. สส. สว. รวมถึงข้าราชการการเมืองอื่น 22 คน
- ไม่ให้ ‘รายชื่อ’ อ้าง พรบ.ข้อมูลข่าวสารฯ ม.15 ข้อมูลรายชื่อบุคคลที่อยู่ในมือหน่วยงานรัฐ การจะเปิดเผยต้องได้รับการยินยอมจากบุคคลนั้นๆ และอ้างระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับราชการ ปี 2544
3 ก.ย.2563 อุทธรณ์การไม่เปิดเผย ‘รายชื่อ’
12 ต.ค.2563 สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (สขร.) รับเรื่องอุทธรณ์ไว้พิจารณา พร้อมแจ้งรายชื่อ กวฉ.ที่จะพิจารณาเรื่องอุทธรณ์นี้ นำโดย อ.ธงทอง จันทรางศุ
27 พ.ย.2563 กวฉ. ชุด อ.ธงทอง มีคำวินิจฉัยที่ 438/2563 สั่งให้ ทบ.เปิดเผยทั้งจำนวนและ ‘รายชื่อ’
ปลายปี 2563 ได้รับแจ้งอย่างไม่เป็นทางการว่า ทบ.เตรียมข้อมูลไว้แล้ว รอผู้เกี่ยวข้องเซ็น พร้อมจะส่งให้
(ระหว่างนั้น) 2 ธ.ค.2563 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การที่ประยุทธ์ใช้บ้านหลวงต่อไป แม้เกษียณไปนานแล้ว ไม่เป็นเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ
17 ก.พ.2564 ทำหนังสือไปยัง ทบ. #ขอรับข้อมูลครั้งที่1
12 มี.ค.2564 ทำหนังสือไปยัง สขร. ขอให้ช่วยติดตามให้ ทบ.เปิดเผยข้อมูล #ขอรับข้อมูลครั้งที่2
7 เม.ย.2564 #ตอบ2 พล.ต.อานุภาพ ศิริมณฑล เลขานุการกองทัพบก แจ้งว่า อดีตทหารยศนายพลที่ยังอยู่บ้านหลวง 22 คน ได้ย้ายออกเพิ่มเติมอีก 18 คน เหลือเพียง 4 คน คือ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อนุพงษ์ ส่วนอีก 2 คน เปิดเผยไม่ได้ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ ม.14 (ยังไม่เปิดเผยรายชื่อ และแจ้งปฏิเสธเปิดเผยข้อมูลซ้ำ ทั้งที่ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ คำวินิจฉัยของ กวฉ.ถือเป็นที่สุด และ กวฉ.ได้วินิจฉัยกรณีนี้ไปแล้ว)
19 เม.ย.2564 ทำหนังสือไปยัง สขร. ขอให้ช่วยติดตามให้ ทบ.เปิดเผยข้อมูลอีกที และลงโทษทางวินัยกับทหารที่ไม่เปิดเผยข้อมูล #ขอรับข้อมูลครั้งที่3
21 ก.ค.2564 ทวงคืบหน้าจาก สขร. เรื่องขอให้ ทบ.เปิดเผยข้อมูล และลงโทษทางวินัยผู้ไม่เปิดเผย #ขอรับข้อมูลครั้งที่4
7 ก.ย.2564 ทวงคืบหน้าจาก สขร. เรื่องขอให้ ทบ.เปิดเผยข้อมูล และลงโทษทางวินัยผู้ไม่เปิดเผย ซ้ำ #ขอรับข้อมูลครั้งที่5
8 พ.ย.2564 ทวงคืบหน้าจาก สขร. เรื่องขอให้ ทบ.เปิดเผยข้อมูล และลงโทษทางวินัยผู้ไม่เปิดเผย ซ้ำ อีกครั้ง #ขอรับข้อมูลครั้งที่6
22 ก.พ.2565 ทวงคืบหน้าจาก สขร. เรื่องขอให้ ทบ.เปิดเผยข้อมูล และลงโทษทางวินัยผู้ไม่เปิดเผย ซ้ำ อีกครั้ง และอีกครั้ง #ขอรับข้อมูลครั้งที่7
30 มี.ค.2565 สขร.แจ้งกลับว่า เชิญตัวแทน ทบ.มาชี้แจงแล้ว ข้อเท็จจริงยังไม่เป็นที่ยุติว่า ทบ.ได้ทำตามคำวินิจฉัย กวฉ.ที่ 438/2563 แล้วหรือไม่
ระหว่างนั้น ได้โทรศัพท์สอบถาม เจ้าหน้าที่ สขร. 2 ครั้ง คำตอบไม่ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะ ทบ.แจ้งปฏิเสธซ้ำ ทั้งที่ กวฉ.มีคำวินิจฉัยไปแล้ว
17 ส.ค.2565 ทวงคืบหน้าจาก สขร. เรื่องขอให้ ทบ.เปิดเผยข้อมูล และลงโทษทางวินัยผู้ไม่เปิดเผย ซ้ำ อีกครั้ง และอีกครั้ง #ขอรับข้อมูลครั้งที่8
22 ก.ย.2565 สขร.ส่งอีเมลมาแจ้งว่า จะให้ กวฉ.ชุดของ อ.ธงทองวินิจฉัยซ้ำ ใน 2 ประเด็น
- ให้ ทบ.เปิดเผยจำนวนและ ‘รายชื่อ’ ทหารเกษียณยศนายพลที่ยังใช้บ้านหลวง ณ สิ้นปี 2562 ทั้ง 108 ราย หรือแค่ 4 ราย ตามที่ ทบ.อ้าง
- ทบ.ปฏิเสธเปิดเผยข้อมูลซ้ำในเรื่องเดิมได้หรือไม่ ทั้งๆ ที่ กวฉ.วินิจฉัยไปแล้ว
ถึงปัจจุบัน ผู้สื่อข่าว The MATTER ก็ยังไม่ได้รับข้อมูลรายชื่ออดีตทหารพักอยู่บ้านหลวง ณ ก่อนวันที่เกิดเหตุกราดยิงโคราชแต่อย่างใด
#Brief #TheMATTER