กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ครั้งใหม่กับ #กราดยิงหนองบัวลําภู เมื่อผู้สื่อข่าวของ CNN เข้าไปรายงานข่าวภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ จ.หนองบัวลำภู ทั้งที่ยังคงมีเชือกปิดกั้นพื้นที่เกิดเหตุอยู่
จนล่าสุด สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้เข้าตรวจสอบเอกสาร และเพิกถอนวีซ่าผู้สื่อข่าวทั้งสองคนแล้ว จากการใช้วีซ่าผิดเงื่อนไข หลังพบว่าเดินทางเข้าราชอาณาจักรด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว แต่กลับเข้ามาปฏิบัติงาน
ด้วยกระแสที่กำลังถกเถียง และหลายฝ่ายเริ่มมีปฏิกิริยาต่อประเด็นนี้ รวมถึงการตั้งคำถามว่า การรักษาพื้นที่ ‘crime scene’อาจถูกละเลยตั้งแต่กรณีปูพรมแดงก่อนหน้าหรือไม่ The MATTER จึงสรุปมาให้อ่านกัน
1.)
จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อ รายงานข่าวสั้นไม่กี่นาทีของ CNN ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ซึ่งมีผู้สื่อข่าวหญิงเป็นผู้บรรยาย โดยมีบรรยายภายในศูนย์พัฒนาเด็กเป็นภาพประกอบ และทำให้เข้าใจได้ว่า เธอรายงานมาจากพื้นที่เกิดเหตุจริง
ทั้งนี้ ยังให้ข้อมูลว่า ได้รับอนุญาตให้เข้าไปถ่ายทำภายในสถานที่เกิดเหตุแล้วอีกด้วย
2.)
จากข่าวบนสื่อต่างประเทศทั่วไป ได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว เมื่อบัญชีทวิตเตอร์ ชื่อ SaksithCNA ของศักดิ์สิทธิ์ ไสยสมบัติ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์แชนแนล นิวส์ เอเชีย ประจำประเทศไทย ได้นำภาพข่าวสั้นดังกล่าวมาตั้งประเด็นคำถามว่า พวกเขาได้รับอนุญาตได้อย่างไร
และยังต่อด้วยการโพสต์ข้อความต่อ ที่ปรากฏภาพชายหญิง พร้อมอุปกรณ์การถ่ายทำ กำลังปีนรั้วออกจากที่เกิดเหตุ ซึ่งมีเชือกของเจ้าหน้าที่กั้นไว้ พร้อมข้อความอธิบายว่า เป็นภาพจากเพื่อนร่วมงานที่อยู่ ณ ที่นั่น
3.)
ค่ำวันเดียวกันนั้นเอง ทางสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย ที่รู้จักในชื่อย่อ FCCT จึงได้ออกแถลงการณ์ตำหนิการกระทำดังกล่าวว่า ละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ทั้งชี้ว่าไทยได้รับความบอบช้ำจากเหตุที่เกิดขึ้น จึงยิ่งกังวลต่อภาพที่จะถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ และตลอดหลายปีมานี้ก็มีความก้าวหน้าขึ้น
พร้อมตั้งคำถามทิ้งท้ายว่า “ถ้าเกิดเหตุอาชญากรรมร้ายแรงในสหรัฐฯ ทีมงานจะกล้าทำแบบเดียวกันหรือไม่”
4.)
ไม่นานทาง CNN International PR ได้โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ ตอบกลับแถลงการณ์ของ FCCT ใจความว่า
“ทีมงาน CNN กำลังถ่ายทำที่ศูนย์เด็กเล็กฯ ที่หนองบัวลำภู พ พร้อมกับสื่ออื่นๆ ในเวลานั้นเจ้าหน้าที่ได้นำแถบปิดกั้นออกแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขซึ่งออกมาจากอาคารที่เกิดเหตุ ได้พูดคุยกับทีมข่าว CNN และอนุญาตให้เข้าถ่ายทำภายในได้”
นอกจากนี้ทีมข่าวต่างประเทศดังกล่าว ยังระบุว่า ใช้เวลาทำงานภายในศูนย์ฯ ราว 15 นาที และเมื่อกลับออกมาถึงได้พบว่ามีแถบปิดกั้นกลับมาติดในพื้นที่แล้ว ทำให้ต้องปีนออกมา
5.)
ขณะที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ออกแถลงการณ์เช่นกัน ระบุว่า ทีมข่าวควรใช้วิจารณญาณว่า การเหยียบย้ำจุดเกิดเหตุอาชญากรรม พร้อมนำอุปกรณ์ต่างๆ เข้าไปถ่ายทำ ย่อมเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
พร้อมเรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกสำนักนำเอากรณีนี้เป็นอุทาหรณ์ และถอดบทเรียนร่วมกัน ไม่เลียนแบบหรือแข่งขันให้ได้มาซึ่งข่าวหรือภาพในลักษณะเดียวกัน
6.)
หนึ่งประเด็นสำคัญที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย พูดถึงไว้ คือ “บริเวณดังกล่าวเป็นจุดเกิดเหตุที่เจ้าหน้าที่ได้กั้นพื้นที่และห้ามสื่อมวลชนอื่นๆ เข้าไปด้านใน หรือที่เรียกว่า crime scene”
นั่นจึงยิ่งทำเกิดข้อถกเถียง โดยมีการเชื่อมโยงกับกรณีก่อนหน้าที่มีการเผยแพร่ภาพการปูพรมแดง เพื่อทำพิธีการบางอย่าง ภายหลังเหตุเกิดเพียงวันเดียว ว่าเข้าข่ายยุ่งเกี่ยวกับพื้นที่เกิดเหตุเช่นกันหรือไม่
7.)
เจ้าหน้าที่ว่าอย่างไร? วันนี้ (9 ต.ค.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ข้อมูลผ่านสื่อว่า สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ตรวจสอบแล้ว หากเป็นจริงก็ต้องดำเนินคดีตามความผิดคดีอาญา ฐานบุกรุกสถานที่ราชการ ที่มีโทษสูงสุด ไม่เกิน 5 ปี รวมถึงเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดี
8.)
เบื้องต้นนั้น ดนัยโชค บุญโสม ในฐานะนายก อบต.อุทัยสวรรค์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ได้เข้าแจ้งความกับผู้สื่อข่าวทั้งคู่ พร้อมยืนยันว่าจะจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลบริเวณโดยรอบศูนย์เด็กเล็ก เพื่อไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป
9.)
อย่างไรก็ดี ตามอำนาจของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ก็สามารถเพิกถอนวีซ่าได้ทันที และสามารถจับกุมผลักดันออกนอกประเทศทันที
กระนั้นเอง หลายความเห็นยังแสดงความเป็นห่วงถึงกระบวนการยุติธรรม ที่ต้องเป็นไปตามขั้นตอน หากเร่งรัดเกินไปตามแรงกดดันของสังคม รัฐก็อาจถูกตั้งคำถามทั้งจากสังคมไทยและนานาชาติไทย
10)
ความคืบหน้าจนถึงตอนนี้ ตามการรายงานของบีบีซีไทย ได้ข้อมูลจาก พ.ต.อ. จักรพรรดิ วิจิตรไวทยะ ผกก. สภ.นากลาง เมื่อเวลา 12.30 น. ว่ายังไม่ได้แจ้งข้อหาและยังไม่มีการจับกุมทีมข่าวซีเอ็นเอ็น 2 คน โดยยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำพยานผู้เห็นเหตุการณ์
อ้างอิงจาก
#กราดยิงหนองบัวลำภู #CNN #Recap #TheMATTER