วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ออกมายอมรับด้วยตัวเองผ่านโทรทัศน์ วันนี้ (10 ตุลาคม) ว่า รัสเซียได้สั่งให้มีการ ‘โจมตีขนานใหญ่’ (massive strike) ด้วยอาวุธระยะไกลและแม่นยำสูง ซึ่งมีเป้าหมาย คือ แหล่งพลังงาน พื้นที่ทางการทหาร และศูนย์สื่อสารของยูเครน เพื่อเป็นการตอบโต้การระเบิดสะพานเคิร์ชในไครเมีย เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ปูตินยังเตือนด้วยว่าจะตอบโต้อย่างหนัก ถ้าการโจมตีรัสเซียยังดำเนินต่อไป “หากการก่อการร้ายต่อรัสเซียยังดำเนินต่อไป เราจะตอบโต้อย่างรุนแรงมาก การตอบโต้จะมีขนาดเทียบเท่ากับภัยคุกคามที่กระทำต่อรัสเซีย เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นที่สงสัยอย่างแน่นอน”
โดยตลอดทั้งวันนี้ มีการระดมยิงขีปนาวุธใส่หลายเมืองของยูเครน โดยเฉพาะกรุงคีฟ เมืองหลวงของยูเครน ซึ่งมีเสียงระเบิดอยู่หลายครั้ง The New York Times รายงานว่ามีอย่างน้อย 10 เมืองที่ถูกโจมตี อาทิ กรุงคีฟ, คาร์คิฟ, ปอลตาวา, ดนีปรอ, ซาปอริซเซีย, มิโคลาเยฟ, ลวิฟ, เทอร์โนพิล, ซิโทเมียร์ และ คเมลนิตสกี
หลายเมืองที่กล่าวมา ต้องประสบกับเหตุไฟดับ เนื่องจากโรงไฟฟ้าถือเป็นเป้าหมายหลักของการโจมตี นอกจากนี้ยังมีกรณีอินเทอร์เน็ตดับ รวมถึงระบบทำความร้อนใช้งานไม่ได้ ขณะที่บางเมืองก็ต้องประสบกับระบบประปาที่ใช้งานไม่ได้ เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ กองทัพอากาศยูเครน ระบุว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธเข้ามาทั้งหมด 83 ลูก ซึ่งถูกยิงตกโดยกองทัพอากาศของยูเครนไป 43 ลูก และประกอบไปด้วยขีปนาวุธอย่างเช่น Kalibr, Islander และ Kh-101 ที่ยิงมาจากทะเลดำและทะเลแคสเปียน
ส่วนยอดผู้เสียชีวิต สำนักงานตำรวจแห่งชาติยูเครนเพิ่งอัพเดตตัวเลขล่าสุด อยู่ที่ 10 ราย ขณะที่ผู้บาดเจ็บทั่วประเทศขณะนี้มีอย่างน้อย 60 ราย
ด้าน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้ออกมาโพสต์ภาพความเสียหายผ่านทวิตเตอร์ พร้อมกับระบุว่า
“โลกได้เห็นใบหน้าที่แท้จริง ซึ่งเข่นฆ่าประชาชนของเราอีกครั้ง ทั้งในสนามรบ และในเมืองที่สงบสุข เป็นประเทศที่ปิดบังตัวตนและเป้าหมายอันเปื้อนเลือดที่แท้จริงของตัวเอง ด้วยการพูดถึงแต่สันติภาพ มันแสดงให้เห็นว่า การปลดปล่อยยูเครน คือหนทางเดียวสู่สันติภาพและความมั่นคง”
และภายหลังการโจมตี ผู้นำโลกจากหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศในยุโรป ก็ออกมาแถลงประณามรัสเซียทันที อาทิ เบลเยียม, ฝรั่งเศส, อิตาลี, สโลวาเกีย, โปแลนด์ และสหราชอาณาจักร
ขณะที่ เย็นส์ สโตลเต็นเบิร์ก เลขาธิการ NATO ได้ออกมาแถลงว่า เขาได้พูดคุยกับ ดมิตรี คูเลบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยูเครน แล้ว พร้อมทั้งประณามการโจมตีพื้นที่พลเรือนในยูเครน “NATO จะยังคงสนับสนุนชาวยูเครนผู้กล้าหาญไปตราบนานเท่านาน ในการต่อสู้โต้กลับการรุกรานของเครมลิน” สโตลเต็นเบิร์ก ระบุ
อ้างอิงจาก