ครึ่งปีผ่านไป นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มส่งกองกำลัรุกรานยูเครน ชาวยูเครนก็ไม่เคยเกรงกลัวรัสเซีย ‘แกลลัพ โพล’ (Gallup Poll) เผยผลสำรวจความคิดเห็นที่ได้ไปเก็บข้อมูลมาช่วงต้นกันยายนที่ผ่านมา พบว่า ชาวยูเครนส่วนใหญ่ยังมองว่า ยูเครนต้องสู้ต่อจนกว่าจะชนะสงคราม
ผลสำรวจดังกล่าว ซึ่งได้ไปสัมภาษณ์คนในช่วงวันที่ 2-11 กันยายน จากทั่วยูเครน รวมถึงภูมิภาคดอนบาสด้วย เผยว่า 70% อยากให้ยูเครนสู้ต่อจนชนะสงคราม (แต่ถ้าแบ่งตามเพศ จะมีเพศชาย 76% ที่อยากให้สู้ต่อ ส่วนเพศหญิง มี 64% ที่อยากให้สู้ต่อ) ในทางตรงกันข้าม มี 26% ของทุกเพศที่มองว่า ยูเครนควรจะเจรจาสงบศึกให้รวดเร็วที่สุด
อย่างไรก็ดี ถ้าดูในแง่พื้นที่ จะพบว่า พื้นที่ที่ใกล้แนวรบที่สุด คือบริเวณภาคตะวันออก จะอยากให้ยูเครนสู้ต่อน้อยที่สุด (56%) ส่วนพื้นที่ที่อยากให้ยูเครนสู้ต่อมากที่สุด คือ กรุงคีฟ (83%) ตามมาด้วยภาคตะวันตก (82%)
ชัยชนะในที่นี้คืออะไร? ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ (91%) บอกว่า คือการได้ดินแดนทุกส่วนคืนกลับมา ซึ่งนับรวมดินแดนที่เสียไปตั้งแต่ปี 2014 จนถึงปัจจุบัน หรือก็คือรวมไครเมียด้วย ขณะที่เพียง 5% มองว่า คือการได้ดินแดนที่เสียไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 กลับมา
ภายหลังทำแบบสอบถาม แกลลัพก็ได้เผยแพร่ข้อสรุปออกมา ระบุว่า “ท่ามกลางความสำเร็จในการโต้คืนของยูเครนซึ่งเริ่มตั้งแต่ช่วงปลายเดือนสิงหาคม ประชาชนของยูเครนก็มองโลกในแง่ดีอย่างมากในเรื่องของการสู้ต่อจนกว่าจะได้รับชนะ และรู้ว่าชัยชนะที่ว่านั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร
“แต่ในขณะที่ชาวยูเครนได้ลิ้มรสถึงชัยชนะในสนามรบบ้างแล้ว ก็ยังคงอีกนานกว่าสงครามจะสงบลง” แกลลัพสรุป
สำหรับเหตุผลที่ชาวยูเครนยังคงสนับสนุนการทำสงครามอย่างเต็มที่ มาร์ยัน ซาบลอตสกี (Maryan Zablotskyy) ส.ส.พรรคเดียวกับประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี (Volodymyr Zelensky) บรรยายให้กับ The Washington Post ไว้ได้อย่างน่าสนใจ
เขาบอกว่า สิ่งที่ชาวยูเครนต้องเผชิญ ก็คือตัวเลือกระหว่าง ‘การต่อสู้’ กับ ‘การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’ เพราะชาวยูเครนรู้ดีว่า ถ้าไม่สู้ สิ่งที่ต้องเจอก็คือเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่กองกำลังรัสเซียได้กระทำไว้ในเมืองต่างๆ ที่ยึดมาได้
“เราได้เห็นแล้วว่ารัสเซียทำอะไรไว้ในพื้นที่ที่ไม่มีการต่อสู้เลย การต่อต้านในรูปแบบอะไรก็ได้ก็ยังดีกว่าการต้องมีชะตากรรมแบบเดียวกับประชาชนภายใต้การยึดครองของรัสเซีย” ซาบลอตสกีกล่าว
อ้างอิงจาก