‘ลิซ ทรัสส์’ (Liz Truss) นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม (Conservative Party) ปูทางสู่การเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ภายหลังมีแรงกดดันทั้งจากในคณะรัฐมนตรีและภายในพรรค จากการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าผิดพลาด
การประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมของทรัสส์ในวันนี้ (20 ตุลาคม) จะทำให้เธอกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ของอังกฤษ ด้วยเวลาเพียงเดือนกว่า นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา
“ดิฉันเข้ารับตำแหน่งในช่วงเวลาของความไร้เสถียรภาพเป็นอย่างมากนทางเศรษฐกิจและในระดับระหว่างประเทศ” ลิซ ทรัสส์ กล่าวที่หน้าทำเนียบนายกฯ หรือบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิง ในวันนี้
“ครัวเรือนและภาคธุรกิจต่างก็กังวลว่าจะจ่ายค่าไฟได้อย่างไร สงครามอันไม่ชอบด้วยกฎหมายของปูตินในยูเครนก็เป็นภัยต่อความมั่นคงของทั้งทวีป และชาติเราก็ถูกฉุดรั้งไว้ยาวนานเกินไปด้วยการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับต่ำ ดิฉันถูกเลือกเข้ามาโดยพรรคอนุรักษนิยม ด้วยภารกิจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้
“แต่ดิฉันก็รู้ดีว่า ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ดิฉันไม่สามารถบรรลุภารกิจที่มากับการได้รับเลือกโดยพรรคอนุรักษนิยมได้ ดิฉันจึงได้เข้าเฝ้าเพื่อกราบบังคมทูลว่า ดิฉันจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม” ทรัสส์ระบุ
ที่มาที่ไปทั้งหมดเกิดจากการประกาศแผนนโยบายลดภาษีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่เรียกกันว่า ‘mini-budget’ เมื่อวันที่ 23 กันยายน โดย ควาซี กวาร์เต็ง (Kwasi Kwarteng) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (ซึ่งก็ต้องออกจากตำแหน่งด้วยความผิดพลาดเดียวกัน ก่อนหน้าที่ทรัสส์จะลาออกเพียง 6 วัน)
การประกาศแผนดังกล่าวส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกเป็นอย่างมาก และสร้างผลกระทบหลายอย่าง อาทิ ทำให้เงินปอนด์ร่วง รวมถึงตลาดการเงินปั่นป่วน แม้กระทั่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ก็ยังออกมาตำหนินโยบายของทรัสส์อย่างรุนแรง จนสุดท้ายก็ต้องยกเลิกแผนการแทบทั้งหมด
การดำเนินนโยบายของทรัสส์ยังส่งผลต่อความนิยมในตัวเธอ ทำให้กลายเป็นนายกฯ ที่มีคะแนนนิยมน้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์ นั่นยิ่งสร้างความกังวลให้กับพรรคอนุรักษนิยม จนทำให้ ส.ส.บางส่วนของพรรคออกมากดดันให้เธอลาออกในช่วงวันที่ผ่านมา
แต่แม้ก่อนหน้านี้ทรัสส์จะตอบคำถามในสภาฯ ถึงกรณีการกดดันให้เธอลาออก ว่า “ดิฉันเป็นนักสู้ ไม่ใช่พวกขี้แพ้” (“I’m a fighter and not a quitter.”) ท้ายที่สุดเธอก็ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม ซึ่งจะส่งผลให้ต้องออกจากตำแหน่งนายกฯ ด้วย – ในขณะที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ได้เพียง 45 วัน
ทั้งนี้ เธอเปิดเผยว่า จะดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะมีการเลือกนายกฯ คนใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์หน้า
อ้างอิงจาก