“ลิซ ทรัสส์ (Liz Truss) จะอยู่รอดนานกว่าผักกาดหอมได้ไหม?”
สื่ออังกฤษ The Daily Star ถามคำถามนี้เป็นพาดหัวบนวิดีโอไลฟ์สด ที่นำ ‘ผักกาดหอม’ ราคา 60 เพนนี (25 บาท) มาจับเวลาถ่ายทอดสดตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อแข่งขันกับนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ว่าใครจะอยู่รอดได้นานกว่ากัน
แต่เมื่อทรัสส์ออกมาประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม (ซึ่งจะทำให้ต้องลงจากตำแหน่งนายกฯ ด้วย) ที่หน้าบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิง เมื่อวานนี้ (20 ตุลาคม) แม้ดำรงตำแหน่งมาเพียง 45 วัน ก็ปรากฏว่า หัวผักกาดหอมของ The Daily Star กลายเป็นผู้ชนะในศึกนี้
เพลง ‘God Save the King’ ถูกเปิดขึ้นพร้อมกับไฟดิสโก้ ภายหลังผักกาดหอมชนะทรัสส์ ในขณะที่มีผู้ชมไลฟ์เกือบ 20,000 คน
The Daily Star ยังทำวิดีโอล้อเลียน เป็นการประกาศชัยชนะของผักกาดหอมหัวนี้ด้วย โดยที่ผักกาดกล่าวว่า “ฉันอยากจะชื่นชมคู่แข่งของฉัน ใจเธอมันได้ แต่หัวเธอไม่ได้ เราไม่เคยเห็นคนอย่างเธอมาก่อนเลย และฉันก็อยากขอให้เธอโชคดีกับเวลาที่เหลืออยู่”
สาเหตุที่ต้องเป็นผักกาดหอมนั้น เริ่มมาจากกองบรรณาธิการที่ได้ไปเห็นบทความของ The Economist ซึ่งบรรยายว่า ระยะเวลาหลังจากที่ทรัสส์เข้ารับตำแหน่ง ไปจนถึงจุดพลิกผัน หลังการประกาศแผนลดภาษีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จนทำให้สูญเสียการสนับสนุนและรัฐบาลต้องล่มในท้ายที่สุดนั้น เป็นระยะเวลาที่สั้นมากๆ
“สั้นพอๆ กับระยะเวลาที่ผักกาดหอมจะอยู่บนเชลฟ์วางสินค้า” คือคำเปรียบเปรย ที่ทำให้ The Daily Star ต้องเข้าร้านชำไปซื้อผักกาดหอมราคา 60 เพนนี มาถ่ายทอดสด
แรงเสียดทานทางการเมืองต่อตัวของทรัสส์ ที่จะทำให้รัฐบาลต้องล่มสลายในเวลาต่อมานั้น เริ่มสะสมขึ้นภายหลัง ควาซี กวาร์เต็ง (Kwasi Kwarteng) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศแผนนโยบายลดภาษีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่เรียกกันว่า ‘mini-budget’ เมื่อวันที่ 23 กันยายน
ต่อมาภายหลัง แผนดังกล่าวก็ส่งผลกระทบหลายอย่าง อาทิ ทำให้ตลาดการเงินปั่นป่วน และทำให้เงินปอนด์ร่วงดิ่ง ส่งผลสะเทือนต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก แม้กระทั่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ก็ยังออกมาตำหนินโยบายของทรัสส์อย่างรุนแรง จนสุดท้ายก็ต้องยกเลิกแผนการแทบทั้งหมด
เมื่อช่วงวันที่ผ่านมา สมาชิกพรรคอนุรักษนิยมก็หันมากดดันเธออย่างหนัก แม้เธอจะเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา จนกระทั่งต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมเมื่อวานนี้ ปูทางสู่การเลือกนายกฯ คนใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์หน้า
อ้างอิงจาก