กลายเป็นโศกนาฏกรรมครั้งหนึ่งที่น่าสลดที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ หลังจากที่ผู้คนร่วมแสนมารวมตัวเฉลิมฉลองเทศกาลฮาโลวีนในย่านอิแทวอน กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อคืนวานนี้ (29 ตุลาคม) จนสุดท้ายกลายเป็นเหตุการณ์อันน่าสลด ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดอย่างเป็นทางการ มีไม่ต่ำกว่า 153 ราย และบาดเจ็บอีก 82 ราย ในจำนวนผู้เสียชีวิต มีคนไทยรวมอยู่ด้วย 1 ราย เหตุการณ์นี้นับว่าเป็นอุบัติภัยที่รุนแรงที่สุดของเกาหลีใต้ รองจากเหตุการณ์เรือเซวอลล่มเมื่อปี 2014 ซึ่งในครั้งนั้น มีผู้เสียชีวิตเกือบ 300 ราย
แต่โศกนาฏกรรมในเทศกาลฮาโลวีนครั้งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และมีปฏิกิริยาอะไรที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นบ้าง? The MATTER สรุปเหตุการณ์ทั้งหมด คำบอกเล่าจากปากคนไทยในเหตุการณ์ การรับมือของเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ และปฏิกิริยาของทั้งโลก ไว้ดังนี้
1.
‘อิแทวอน’ (Itaewon, 이태원) คือย่านท่องเที่ยวยอดฮิตใจกลางกรุงโซล เป็นแหล่งท่องเที่ยวกลางคืน ที่มีผับบาร์ ร้านอาหาร และร้านขายของจำนวนมาก ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวท้องถิ่น และที่สำคัญ คือนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังไม่รวมถึงทหารสหรัฐฯ ที่มาจากฐานทัพใกล้เคียงในเขตยงซาน
2.
คืนวานนี้ (29 ตุลาคม) เป็นคืนแรกของการเฉลิมฉลองเทศกาลฮาโลวีน ที่ผู้คนจะมารวมตัวกันที่ย่านอิแทวอนนี้ ซึ่งนับว่าเป็นงานเทศกาลครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดหลังจากที่เกาหลีใต้เริ่มผ่อนคลายมาตรการ COVID-19 โดยมีรายงานว่า มีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมถึงประมาณ 100,000 คน
3.
แต่เมื่อคนจำนวนล้นหลาม มากระจุกอยู่ที่ซอยแคบๆ ข้างๆ โรงแรมแฮมิลตัน (Hamilton Hotel) ซึ่งปกติ ซอยดังกล่าวมีความกว้างเพียงพอแค่ผู้ใหญ่ 4-5 คนเท่านั้น สุดท้ายก็พบว่า มีการเบียดกันจนกลายเป็นโศกนาฏกรรม เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ระบุว่า เริ่มมีการโทรขอความช่วยเหลือตั้งแต่ 22.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนที่หน่วยกู้ภัยจะทยอยมาถึงในไม่กี่นาทีต่อมา
ในวิดีโอที่มีการเผยแพร่กันในโลกออนไลน์ จะเห็นว่า ในช่วงแรก ฝูงชนขนาดมหาศาลต้องติดชะงักอยู่ในซอยแคบๆ ดังกล่าว ขณะที่บางส่วนส่งเสียงกรีดร้อง หรือกระทั่งปีนกำแพงเพื่อหลีกหนีความแออัด ส่วนวิดีโอในช่วงหลังของเหตุการณ์ จะพบว่ามีคนหมดสติเป็นจำนวนมาก โดยมีเจ้าหน้าที่กำลังช่วยเหลือด้วยการทำ CPR ขณะที่ในบริเวณรอบนอก ก็มีรถพยาบาลและรถดับเพลิงจอดอยู่เรียงราย
4.
‘เจสซี่’ เจ้าของบัญชี TikTok ‘Jessiinkorea’ หญิงไทยที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว เล่าว่า เธอเป็นนักท่องเที่ยวที่นั่งอยู่ในร้านตรงสามแยกที่เกิดเหตุพอดี ซึ่งกว่าจะไปถึงที่ร้าน ก็ต้อง ‘ตะเกียกตะกาย’ อยู่เหมือนกัน แต่พอได้เข้าไปนั่งเพียงครู่เดียว ก็เริ่มมี ‘เสียงกรี๊ด’
“หันไปดูคือ คนล้มไปแล้ว ล้มๆๆ เป็นโดมิโน่ไปเลย” เธอเล่า “ที่มันผวาก็คือ ฉันนั่งอยู่มุมสามแยก แล้วเป็นขอบสามแยกเลย ทุกคนตะเกียกตะกายขึ้นมาต่อหน้าฉัน ข้างๆ ฉันเลย แล้วฉันทำอะไรไม่ได้ ยามก็มาเหวี่ยงออกๆ ไม่ให้คนเข้ามาในบริเวณร้านนี้ ไม่ให้คนเข้ามาขอบโต๊ะนี้ ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะฉันก็ออกไปไม่ได้เหมือนกัน
“ตอนออกได้ก็โดนกักบริเวณอยู่พักหนึ่ง เขาไม่ให้ออก คือมันผวามาก ได้เห็นคนตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด แล้วก็ได้เห็นคนกระอักเลือดต่อหน้า ได้เห็นคนปั๊มหัวใจ คือมันเป็นอะไรที่ช็อกมากเลยนะทุกคน ฉันเที่ยวมา 4-5 ปี ฉันไม่เคยเจออะไรขนาดนี้”
เจสซี่เล่าด้วยว่า พอเดินออกมาแล้ว คนอื่นๆ ที่ยังอยู่ในซอยอื่นก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ยังเต้นหรือถ่ายรูปเล่นกันอยู่ ทั้งนี้ เธอเห็นว่าเป็นเพราะการจัดการของเจ้าหน้าที่ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก “คนที่เสียแล้วเขาก็ลากไปขึ้นรถเลย พอเดินมาที่ถนนใหญ่ เขาลากคนที่สลบจากซอยนั้น หรือเสียจากซอยนั้น มากองเรียงกันที่ถนนเลย” เธอว่า
5.
คล้ายคลึงกับ เนิร์ส—ลักษมิกา ดีปราศรัย มิสมิโมซ่าควีนไทยแลนด์ 2019 และอีกหนึ่งคนไทยในเหตุการณ์ ที่เล่ากับช่องไทยพีบีเอสว่า ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ประมาณ 22.00 น. ตนซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างกลุ่มคนทั้งสองฝั่งซึ่งดันกันไปกันมา ต้องรับแรงปะทะของทั้งสองฝั่ง
“ซึ่งมันเบียดมาก และช่วงระหว่างซอย มันจะคล้ายๆ กับเนินเขา พอเป็นเนินเขา ถ้าเกิดมีใครสักคนล้ม ก็จะล้มกันหมด ทำให้เกิดการกดทับกัน และทำให้หายใจไม่ออก และเสียชีวิต บางคนถูกเบียดอยู่ในช่วงที่เนิร์สอยู่ ก็ล้ม และขาดอากาศหายใจ ทำให้เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของหลายๆ คน”
เธอเล่าด้วยว่า เพื่อพาตัวเองออกมาจากตรงนั้น เธอและเพื่อนต้องคล้องแขนให้ล็อกกัน เอามือตั้งฉากเพื่อให้มีช่องว่างและไม่ให้แรงกระแทกเข้ามาอยู่ที่ตัว และพยายามดัน ซึ่งก็ยังไม่สามารถดันได้ เนื่องจากการเบียดมีความรุนแรงมาก แต่ในท้ายที่สุดก็หลุดออกมาได้
เช่นเดียวกับเจสซี่ เนิร์สบอกด้วยว่า หน่วยงานของเกาหลีใต้จัดการกับสถานการณ์ไวมาก หลังจากที่เธอออกมาได้ เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาไล่ให้เธอไปอยู่ในร้าน จากนั้นก็นำร่างคนบาดเจ็บมาวางเรียงรวมกันตามถนนที่กั้นไว้ สักพักก็เริ่มมีการทำ CPR ช่วยชีวิต
“จริงๆ แล้วต้องบอกว่า หน่วยงานของทางเกาหลีเขามาไวมากเลย พอหนูหลุดจากตรงนั้นปุ๊บ ก็มีตำรวจมากั้นเลย แล้วเขาก็ไล่เข้าร้าน ทุกอย่างไวมาก ภายในไม่กี่นาที หน่วยงานเขาไวมากจริงๆ ถึงขนาดว่า คนข้างนอกยังไม่รู้เลยว่าข้างในเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ยังมีการสังสรรค์อยู่” เนิร์สเล่า
6.
เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตยืนยันอย่างน้อย 153 ราย และบาดเจ็บอีก 82 ราย – ในช่วงแรกเริ่ม มีเพียงแค่การรายงานว่ามีผู้ที่มี ‘ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน’ ประมาณ 50 ราย ซึ่งเป็นคำอธิบายที่เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้มักใช้กล่าวถึงผู้เสียชีวิตที่ไม่ยืนยัน
ก่อนที่จะมีการยืนยันตัวเลขในภายหลังของคืนนั้น อยู่ที่ 59 ราย จากนั้นตลอดทั้งคืนก็มียอดที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปัจจุบัน (17.30 น. ของวันที่ 30 ตุลาคม ตามเวลาไทย) มียอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อย่างน้อย 153 ราย
ในจำนวนนี้ เป็นชาวต่างชาติอย่างน้อย 20 ราย และมีคนไทยเสียชีวิต 1 ราย ซึ่งสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ระบุว่า กำลังอยู่ระหว่างการประสานทางการเกาหลีใต้ และแจ้งให้ญาติของผู้เสียชีวิตรับทราบ พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือในการจัดการศพต่อไป
7.
สำหรับสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ยังไม่มีการสรุปจากเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้อย่างเป็นทางการ แต่สื่อต่างประเทศส่วนใหญ่ก็ใช้คำอธิบายว่าเป็น ‘crowd crush’ หรือการเบียดกันตาย หรือไม่ก็ ‘stampede’ หรือการเหยียบกันตาย สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล ก็กล่าวถึงโดยใช้คำว่า ‘stampede’ เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ดี จี. คีธ สติลล์ (G. Keith Still) ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยฝูงชน (crowd safety) และศาสตราจารย์รับเชิญที่มหาวิทยาลัยซัฟโฟล์ก (University of Suffolk) ในอังกฤษ กล่าวกับ The Washington Post ว่า กรณีนี้อาจจะเรียกว่า ‘crowd crush’ หรือ ‘surge’ ได้ แต่ไม่ใช่ ‘stampede’
สติลล์อธิบายว่า ถ้าเป็นกรณีของ ‘stampede’ จะต้องมีพื้นที่ให้คนวิ่งได้ ซึ่งไม่ใช่ในอิแทวอน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ “ฝูงชนทั้งมวลล้มลงเป็นก้อนเดียว” คล้ายๆ กับโดมิโน่ล้ม และเมื่อถูกทับจากด้านบนลงมา ก็จะแทบไม่สามารถหายใจได้ และจะใช้เวลาประมาณ 6 นาทีถึงจะขาดออกซิเจน ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในกรณีนี้
8.
เช้าวันนี้ (30 ตุลาคม) ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ ประธานาธิบดี ยุน ซอกยอล (Yoon Suk-yeol) ของเกาหลีใต้ ก็ประกาศช่วงไว้ทุกข์ทั่วประเทศ และสั่งให้ลดธงครึ่งเสา ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน พร้อมกับสั่งการให้เร่งสืบสวนหาสาเหตุ เป็นภารกิจที่สำคัญที่สุด ณ ช่วงเวลานี้
ในการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์ ผู้นำเกาหลีใต้กล่าวว่า “ในฐานะประธานาธิบดี ที่ต้องรับผิดชอบต่อชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน ผมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง และยากจะรับมือกับความเศร้าโศกของตัวเอง” เขาบอกด้วยว่า โศกนาฏกรรมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น ไม่ควรต้องเกิด
เขายังแสดงความเสียใจต่อการสูญเสีย และแสดงความห่วงใยไปยังผู้บาดเจ็บ พร้อมกับเปิดเผยว่า รัฐบาลจะสนับสนุนการจัดงานศพด้วย ขณะที่สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการสืบสวนหาสาเหตุ “เราจะสืบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุอย่างรอบคอบ และจะเดินหน้าพัฒนาเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต”
9.
ทางด้านรัฐบาลไทย มีการเผยแพร่ข่าวคณะโฆษกบนเว็บไซต์ของรัฐบาลระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตาม ตรวจสอบสถานการณ์ หากมีคนไทยได้รับความเดือดร้อน ให้รีบให้การช่วยเหลือโดยด่วน
10.
ตลอดทั้งวันนี้ ผู้นำโลกต่างก็แถลงแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อิแทวอน อาทิ
- โจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ: “เราโศกเศร้าไปพร้อมกับประชาชนเกาหลีใต้ และขอให้ผู้บาดเจ็บรักษาหายในเร็ววัน สหรัฐฯ ยืนเคียงข้างเกาหลีใต้ในช่วงเวลาอันน่าหดหู่นี้”
- ริชี ซูนัค (Rishi Sunak) นายกฯ สหราชอาณาจักร: “เป็นข่าวที่เลวร้ายจากกรุงโซลในค่ำคืนนี้ ขอแสดงความห่วงใยไปยังเจ้าหน้าที่ในขณะนี้ และชาวเกาหลีใต้ทั้งหมด ในช่วงเวลาอันทุกข์โศกยิ่งครั้งนี้”
- สี จิ้นผิง (Xi Jinping) ประธานาธิบดีจีน: “ในนามของรัฐบาลและประชาชนจีน ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหยื่อ และความเสียใจอย่างจริงใจต่อครอบครัวและผู้บาดเจ็บ”
- จัสติน ทรูโด (Justin Trudeau) นายกฯ แคนาดา: “ผมห่วงใยทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ และขอให้ผู้บาดเจ็บฟื้นตัวอย่างเร็วสมบูรณ์ในเร็ววัน”
- ฟูมิโอะ คิชิดะ (Fumio Kishida) นายกฯ ญี่ปุ่น: “ผมรู้สึกตกใจและเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง กับเหตุการณ์โศกนากฏกรรมครั้งใหญ่ในอิแทวอน กรุงโซล ซึ่งคร่าชีวิตอันมีค่าของผู้คนไปมากมาย รวมถึงชีวิตของหนุ่มสาวที่มีอนาคตรออยู่ในวันข้างหน้าด้วย”
อ้างอิงจาก
facebook.com/RoyalThaiEmbassySeoul