ในสมัยประชุมสภาสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นในวันพุธที่ 2 พฤศจิกายนนี้ จะมีการพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ.สรรพสามิต หรือ กฎหมาย #สุราก้าวหน้า
แต่ก่อนหน้านี้ไม่นาน เพิ่งมีสัญญาณจากจากรัฐบาลว่าอาจคว่ำร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า เพราะกังวลเรื่องเหล้าเถื่อนและสุขลักษณะ
ดังนั้น วันนี้ (31 ตุลาคม) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.พรรคก้าวไกล จึงแถลงการณ์ขอสังคมให้ร่วมกดดันให้ ส.ส. ผ่านกฎหมายสุราก้าวหน้า เพื่อปลดล็อกสุราออกจากคน 1% ในสังคม
สำหรับพิธา สุราก้าวหน้าคือนโยบายเศรษฐกิจที่จะช่วยยกระดับราคาสินค้าทางการเกษตร ทำให้เกิดความยุติธรรมระหว่างรายใหญ่และรายย่อย และทำให้เกิดการนำเข้า–ส่งออกสินค้าแอลกอฮอล์ของประเทศ และทำให้ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น
และในขณะเดียวกันก็ไม่กระทบกับรายใหญ่มากนัก พิธากล่าวว่าไม่มีความน่ากังวลเลยในเรื่องของส่วนแบ่งตลาด เนื่องจากมีข้อมูลยืนยันออกมาแล้ว ว่าประเทศต่างๆ ที่ทำให้เกิดการปลดล็อกสุรา ไม่เคยทำให้กลุ่มทุนสุราขนาดใหญ่ในประเทศไหนที่สูญเสียส่วนแบ่งตลาดเกิน 1%
หัวหน้าพรรคก้าวไกลระบุด้วยว่า กระแสข่าวที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กังวลเรื่องเหล้าเถื่อนและสุขลักษณะ ทำให้เขาแปลกใจว่าทำไมถึงไม่กังวลต่อสุราของนายทุน–สุรานำเข้าบ้าง และประเด็นด้านสุขลักษณะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องคอยควบคุมให้ผู้ประกอบการผลิตได้อย่างมีมาตรฐาน ในขณะที่เรื่องอุบัติเหตุและอัตราการดื่มสุรา ก็ต้องมีกระบวนการให้ความรู้และรณรงค์มากขึ้น
“สิ่งที่เถื่อนไมใช่เหล้า แต่คือกฎหมายและการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่มารังแกผู้ประกอบการ และการที่นายทุน ขุนศึก ศักดินา รวมหัวกันเพื่อทำให้เกิดการผูกขาดของอุตสาหกรรมสุรา กดทับตลาดของคนธรรมดาทั่วไปต่างหาก” พิธากล่าว
ทั้งนี้ พิธาใช้โอกาสส่งสาสน์สู่ ส.ส.ต่างพรรค ว่านี่คือชัยชนะของประชาชน และยังเป็นโอกาสในการทำผลงานของพรรคอื่นๆ ด้วย ทั้งยังชื่นชมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของกระแสธารที่ส่งต่อกระบวนการปลดล็อกสุราไทยให้สามารถเดินทางมาถึงจุดนี้ได้
ขณะที่เท่าพิภพอธิบายว่า เนื้อหากฎหมายไม่ได้เข้าไปเปลี่ยนแปลงการควบคุมมาตรฐานอะไรแม้แต่น้อย และประเทศไทยก็มีกฎหมายควบคุมอย่างเข้มแข็งและเข้มงวดอยู่แล้ว แต่ในทางกลับกัน นี่คือเรื่องที่เป็นประโยชน์กับคนส่วนมาก ไม่ใช่แค่ผู้ผลิต แต่รวมถึงคนทำงานในบาร์ คนทำงานในระบบโลจิสติกส์ เกษตรกร ธุรกิจสุรามีซัพพลายเชนที่ครอบคลุมหลายส่วนและจะนำไปสู่การจ้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล
เท่าพิภพจึงเน้นย้ำด้วยว่า ดังนั้น การที่ฝ่ายผู้มีอำนาจจะพยายามแทรกแซงให้เกิดการล้มกฎหมายฉบับนี้ จะเป็นการนำไปสู่การขีดเส้นความขัดแย้งใหม่ในสังคม เป็นการประกาศสงครามระหว่างคน 99% กับคน 1%