มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ภายในไม่กี่วันหลัง ‘อีลอน มัสก์’ (Elon Musk) มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก ปิดดีลซื้อทวิตเตอร์มูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.6 ล้านล้านบาท และเข้ามาเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มนกฟ้าอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (27 ตุลาคม)
เรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งมีการรายงานต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) เมื่อวานนี้ (31 ตุลาคม) คือการไล่สมาชิกบอร์ดบริหารทวิตเตอร์ทั้งหมด 9 คนออกยกแผง หนึ่งในนั้นมี CEO ปารัก อักราวัล (Parag Agrawal) ที่เป็นข่าวโดนไล่ออกก่อนหน้านี้ด้วย
นั่นทำให้มัสก์ได้ขึ้นมาเป็น ‘ผู้อำนวยการแต่เพียงผู้เดียวแห่งทวิตเตอร์’ (the sole director of Twitter) และทำหน้าที่ CEO เอง นับตั้งแต่วันที่ปิดดีลได้สำเร็จ
เรื่องนี้ CNN ชี้ว่า เป็นเรื่องที่ไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไร แต่ก็เผยให้เห็นว่า มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก เข้ามากุมอำนาจเบ็ดเสร็จเหนือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีอิทธิพลมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกได้แล้ว โดยที่แทบจะไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุลอะไรเหลืออยู่เลยภายในบริษัท
อำนาจการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดตอนนี้อยู่ที่มัสก์ – แต่เขาจะทำอะไรต่อไป เราคงไม่อาจรู้ได้ และต้องติดตามกันต่อไป
อย่างไรก็ดี อัพเดตล่าสุดที่มีการรายงาน คือ เขามีแผนจะปรับ Twitter Blue ใหม่ ซึ่งเป็นบริการสมาชิกรายเดือน นั่นรวมถึงจะปรับราคาจาก 4.99 ดอลลาร์ฯ เป็น 19.99 ดอลลาร์ฯ โดยจะให้ใช้เป็นเครื่องมือในการยืนยันบัญชีรับรอง (Verified Account) ด้วย (หมายความว่า ถ้าไม่จ่ายเงิน ก็จะไม่ได้เครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้า)
อีกเรื่องหนึ่งที่พนักงานหวั่นๆ กันมาหลายวัน ก็คือการประกาศเลย์ออฟพนักงานชุดใหญ่หลังขายกิจการให้มัสก์ ซึ่งหนังสือพิมพ์ The Washington Post ก็รายงานว่า ทีมของมัสก์กำลังคุยกันว่า จะเลย์ออฟพนักงานในรอบแรก เป็นจำนวน 25% จากทั้งหมดที่มีอยู่ราวๆ 7,000 คน
แล้ว โดนัลด์ ทรัมป์ จะได้กลับมาเล่นทวิตเตอร์หรือไม่? เรื่องนี้มัสก์บอกแค่ว่า “ถ้าผมได้เงิน 1 ดอลลาร์ฯ ทุกครั้งที่มีคนถามว่าทรัมป์จะกลับมาบนแพลตฟอร์มนี้มั้ย ทวิตเตอร์ก็จะกลายเป็นเครื่องปั๊มเงินไปแล้วล่ะ!”
อ้างอิงจาก