ด้วยสาเหตุจากแรงงานขาดแคลน มีงานว่างเป็นล้านตำแหน่งทั่วประเทศ รัฐบาลกลางแคนาดาจึงประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 พฤศจิกายน) ประกาศแผนระดับการอพยพ ปี 2023-2025 ฉบับใหม่ (2023-2025 Immigration Levels Plan) ตั้งเป้ารับชาวต่างชาติมาตั้งถิ่นฐานราว 4-5 แสนคนทุกปี ไปจนถึงปี 2025
รัฐบาลแคนาดาระบุว่า ปีที่ผ่านมา แคนาดารับชาวต่างชาติมาอยู่ถึง 405,000 คน ซึ่งมากที่สุดที่เคยมีมา จึงอยากผลักดันต่อโดยตั้งเป้าให้มีผู้อาศัยถาวร (permanent residents) ที่ย้ายเข้าใหม่ 465,000 คนในปี 2023, 485,000 คนในปี 2024 และ 500,000 คนในปี 2025 และจะพยายามกระจายคนไปในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ ซึ่งรวมถึงเมืองเล็กในชนบทด้วย
ทั้งนี้ เป้าหมายคือเพื่อหาคนมาทดแทนแรงงานที่ขาดแคลน รวมถึงเพื่อรับมือกับเทรนด์ในอนาคตด้วย เช่น การก้าวสู่สังคมสูงวัย และระลอกการเกษียณอายุที่เพิ่มมากขึ้น รัฐบาลจึงระบุว่า แคนาดายินดีต้อนรับผู้อพยพที่มีทักษะหรือประสบการณ์ที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรมที่ขาดแคลน อย่างเช่น สาธารณสุข การผลิต การก่อสร้าง และอาชีพในสาย STEM
การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากมีการสำรวจสำมะโนประชากรเมื่อปี 2021 ที่พบว่า เกือบ 1 ใน 4 ของประชากรที่ถูกนับ เป็นผู้อพยพหรือมีสถานะเป็นผู้อยู่อาศัยถาวร ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1867 ที่แคนาดาเริ่มปกครองแบบสมาพันธรัฐ (Confederation) ขณะที่ตอนนี้ แรงงานมาใหม่ของแคนาดา เกือบ 100% ก็เป็นผู้อพยพด้วย
ในเรื่องนี้ ฌอน เฟรเซอร์ (Sean Fraser) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอพยพ ผู้ลี้ภัย และสัญชาติ กล่าวว่า “ปีที่แล้ว เราต้อนรับผู้มาใหม่ในปีเดียว เป็นจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา แผนระดับการอพยพในปีนี้จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ หาคนงานที่พวกเขาต้องการได้ พาแคนาดาไปสู่เส้นทางความสำเร็จระยะยาวของเรา และจะทำให้เราบรรลุภารกิจสำคัญในการช่วยเหลือผู้คนที่ลี้ภัยจากความรุนแรง สงคราม และการข่มเหงได้”
หนังสือพิมพ์ The New York Times ชี้ว่า การประกาศของรัฐบาลแคนาดาในครั้งนี้ ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่าทัศนคติของรัฐบาลต่อผู้อพยพมีความแตกต่างเพียงใดจากรัฐบาลตะวันตกอื่นๆ อย่างเช่น สวีเดน และอิตาลี ซึ่งเป็นฝ่ายขวาที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งขึ้นมาใหม่ และพยายามลดจำนวนผู้อพยพ ที่พวกเขามองว่าเป็นต้นเหตุของอาชญากรรมและความวุ่นวาย
อ้างอิงจาก