ถือว่าสวนทางกับค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นทั่วโลก และแม้แต่เทรนด์ของบริษัทเทคโนโลยีเองที่เริ่มประสบกับจำนวนผู้ใช้ที่ลดลง เพราะจากรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด (กรกฎาคม–กันยายน) ของ Tinder พบว่า คนยังคงจ่ายเงินตามหารักกันอย่างแข็งขัน จนทำให้ Tinder มีรายได้มากกว่าแม้แต่ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
Match Group บริษัทแม่ของ Tinder เปิดเผยเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า ในไตรมาสล่าสุด บริษัทได้รายได้ (ทั้งจาก Tinder และแอพฯ อื่นๆ) มากถึง 810 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3 หมื่นล้านบาท ผิดกับค่าเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ที่ 793 ล้านดอลลาร์ฯ โดยที่รายได้ของ Tinder อย่างเดียว โตขึ้น 6% ซึ่งมาจากจำนวนผู้ใช้เสียเงิน ที่เพิ่มขึ้นถึง 7%
การเผยผลประกอบการยังทำให้เมื่อวานนี้ (2 พฤศจิกายน) มูลค่าหุ้นบริษัทเพิ่มขึ้น 16% ด้วย ทั้งนี้ บริษัทมองว่า รายได้ที่โตขึ้นนั้น เป็นเพราะได้ตัวช่วยจากการกลับมาของเวอร์ชันเดสก์ท็อป ที่ทำให้ผู้ใช้ปัดซ้าย–ปัดขวาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ได้
ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้น บริษัทระบุว่า “การพัฒนาผลิตภัณฑ์กำลังมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ทีมงานกำลังตื่นตัวและตื่นเต้นกับโอกาสที่รออยู่ข้างหน้า และฟีเจอร์ใหม่บางส่วนก็เริ่มมีการทดสอบแล้ว และจะออกมาเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 และปี 2023 โดยที่ยังมีงานอีกหลายอย่างที่ต้องทำ และผลลัพธ์เบื้องต้นก็เป็นไปในทางที่ดี”
อย่างไรก็ดี Match Group เตือนด้วยว่า ในไตรมาสต่อไป รายได้ของ Tinder ไม่น่าจะโตขึ้นมากนัก พร้อมกับเตือนว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกน่าจะเริ่มส่งผลกระทบมากขึ้น โดยเฉพาะกับแอพฯ ของบริษัท อย่าง Plenty of Fish ที่เน้นเจาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ขณะเดียวกัน การใช้จ่ายแบบ ‘in-app purchases’ ก็น่าจะลดลง ซึ่งจากรายงานที่ผ่านมา ก็พบว่ามีคนใช้จ่ายกับ ‘Super Likes’ และ ‘Boosts’ น้อยลงอยู่แล้ว
สำหรับตัวเลขผู้ใช้งานปัจจุบัน Match Group ระบุว่า มีผู้ใช้งานแอพฯ Tinder แบบเสียเงิน ในไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 11.1 ล้านคนทั่วโลก
อ้างอิงจาก