หลังจากก่อนหน้านี้ องค์กรสหประชาชาติรายงานว่าปัจจุบันประชากรโลกได้แตะระดับ 8 พันล้านคน งานวิจัยล่าสุดที่ออกมากลับพบว่า จำนวนอสุจิของชายทั่วโลกกำลังลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
งานวิจัยดังกล่าวถูกตีพิมพ์ในวารสาร Human Reproduction Update โดยเป็นการทำงานร่วมกันของ ลีไวน์ ฮาคีน จากมหาวิทยาลัยฮีบรู ในกรุงเยรูซาเล็ม และ ชานนา สวอน จากมหาวิทยาลัยการแพทย์ไอคาห์น ในนิวยอร์ค พวกเขาพบว่านับตั้งแต่ปี 1972 จำนวนอสุจิของเพศชายลดลงราว 1% ต่อปี ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.6% ต่อปี เมื่อขึ้นต้นปี 2000
งานวิจัยดังกล่าว ต่อยอดจากงานวิจัยที่ออกมาเมื่อปี 2017 โดยทำการเก็บตัวอย่างประชากรชายมากกว่า 57,000 ราย จาก 53 ประเทศทั่วโลก พบว่าตั้งแต่ปีปี 1973 จนถึงปี 2018 จำนวนอสุจิของเพศชายทั่วโลกลดลงจากเดิม 51% หรือจาก 101.2 ล้านตัว/ น้ำอสุจิหนึ่งมิลลิลิตร เหลือ 49 ล้านตัว/ น้ำอสุจิหนึ่งมิลลิลิตร
“ข้อมูลยังบ่งชี้ว่าการลดลง (จำนวนอสุจิ) มีแนวโน้มรวดเร็วขึ้นในศตวรรษที่ 21” งานวิจัยดังกล่าวระบุ
ถึงแม้งานวิจัยชิ้นนี้จะไม่ได้พยายามหาสาเหตุของการลดลงของจำนวนอสุจิ แต่ทางด้านลีไวน์วิเคราะห์ว่าการลดลงครั้งนี้ เป็นผลตั้งแต่ตัวอ่อนอยู่ในรังไข่ โดยสัมพันธ์กับระบบสืบพันธุ์ที่อ่อนแอลงทั้งกระบวนการ
“(ประชาคมโลก) ควรสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรขึ้นสำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด และลดความเสี่ยงทั้งหมดที่จะส่งผลต่อกระบวนการสืบพันธุ์ทั้งหมด” ลีไวน์กล่าว
ทางด้านสวอนระบุว่า การลดลงครั้งนี้เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมเสี่ยงหลายอย่าง อาทิ การสูบบุหรี่, ความอ้วน ตลอดจนความเครียดและการดื่มแอลกอฮอล์ และการลดลงเช่นนี้อาจทำให้ผู้ที่อยากมีลูกต้องหันไปพึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์มากขึ้น ซึ่งสุดท้าย อาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม จำนวนเสปริ์มที่ 49 ล้านตัว/ น้ำอสุจิหนึ่งมิลลิลิตรยังถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่องค์กรอนามัยโลก (WHO) ตั้งเอาไว้ที่ 15 – 200 ล้านตัว/ น้ำอสุจิหนึ่งมิลลิเมตร
งานวิจัยชิ้นนี้ถูกต่อยอดจากงานวิจัยในปี 2017 ที่ถูกวิจารณ์ว่าเก็บข้อมูลไม่ทั่วถึงจริง เพราะใช้ข้อมูลของอสุจิจากเพศชายในทวีปอเมริกาเหนือ, ยุโรป และในประเทศออสเตรกับนิวซีแลนด์ ทำให้ในครั้งนี้ทีมวิจัยเก็บข้อมูลจากชายในทวีปอเมริกาใต้, แอฟริกา และเอเชียเพิ่มขึ้นเข้ามา จนมันถูกยอมรับว่าเป็นการศึกษาจำนวนอสุจิของมนุษย์เพศชายบนโลกที่กว้างขวางและครอบคลุมที่สุดในปัจจุบัน
อ้างอิงจาก:
https://www.ft.com/content/1962411f-05eb-46e7-8dd7-d33f39b4ce72