ข่าวการประท้วงในจีนเป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยได้ยินกันบ่อยครั้งนัก แต่ในช่วงปลายปีนี้ กลับเริ่มมีข่าวการประท้วงของชาวจีนออกมาให้ได้ยินกันบ้าง อย่างล่าสุด มีการแชร์คลิปวิดีโอส่งต่อกันในโซเชียลมีเดียของจีน แสดงภาพการประท้วงต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์ควบคุม COVID-19 หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่อพาร์ตเมนต์ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต
“หยุดการล็อกดาวน์” คือคำที่เหล่าผู้ประท้วงร่วมกันตะโกนกันตามถนนในคืนวันศุกร์ (25 พฤศจิกายน) ณ เมืองอูหลู่มู่ฉี เมืองเอกของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ พวกเขาชูกำปั้นขึ้นฟ้า และเรียกร้องให้ภาครัฐยุติการมาตรการล็อกดาวน์อันยืดยาวนี้ลงเสียที
ในวิดีโอยังแสดงให้เห็นถึงภาพที่ผู้คนร่วมกันร้องเพลงชาติจีนพร้อมเนื้อเพลงที่ร้องว่า “ลุกขึ้นเถิด ผู้ที่ไม่ยอมเป็นทาสใคร!”
สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า คลิปการประท้วงนี้ถูกเผยแพร่จากเมืองอูหลู่มู่ฉี ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรราว 4 ล้านคน และต้องอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์อันเข้มงวดและยาวนาน โดยมีคำสั่งห้ามผู้คนออกจากบ้านนานถึง 100 วัน
ส่วนเหตุเพลิงไหม้ที่เป็นชนวนของการประท้วงนี้ สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (24 พฤศจิกายน) เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่อพาร์ตเมนต์ในเมืองอูหลู่มู่ฉี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย ซึ่งผู้คนพูดกันว่า มาตรการล็อกดาวน์เป็นอุปสรรคต่อการดับไฟ ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการของเมืองระบุว่า ยานพาหนะที่จอดขวางทางต่างหาก ที่ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปถึงอาคารที่เกิดไฟไหม้ได้
ขณะเดียวกัน ก็มีการประท้วงในพื้นที่อื่นๆ ของจีนด้วย ทั้งกรุงปักกิ่ง อันเป็นเมืองหลวงของประเทศจีน ซึ่งก็ประท้วงต่อต้านมาตรการ zero-Covid เช่นกัน รวมถึงการประท้วงในเมืองซีอาน ฉงชิ่ง และหนานจิง ซึ่งโดยมากเป็นการประท้วงกันในรั้วมหาวิทยาลัย
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (26 พฤศจิกายน) สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ทางการได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์แล้ว หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง ซึ่งในเนื้อหาข่าวไม่ระบุถึงการประท้วงแต่อย่างใด
หยาง ต้าลี่ (Dali Yang) นักรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก กล่างถึงเหตุการณ์นี้ว่า ตลอด 2 ปีแรกของการระบาดของ COVID-19 ผู้คนต่างไว้วางใจให้รัฐบาลตัดสินใจเรื่องต่างๆ เพื่อให้พวกเขามีชีวิตอย่างปลอดภัย แต่ตอนนี้ผู้คนเริ่มถามคำถามที่ท้าทายขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มระแวดระวังต่อการปฏิบัติตามคำสั่งของภาครัฐ
อ้างอิงจาก