กลายเป็นกรณีพิพาทบนเกาะหลีเป๊ะ อ.เมือง จ.สตูล นับตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เมื่อรีสอร์ตแห่งหนึ่งพยายามทำประตูรั้วกั้นเส้นทาง ที่อ้างว่าเป็นเอกสิทธิที่ดินของรีสอร์ต แต่เส้นทางนี้ กลับเป็นเส้นทางเดียวกับเส้นทางที่ชาวบ้านใช้สัญจร ที่ว่ากันว่าใช้มาถึง 3 ชั่วอายุคน
โดยเป็นทางที่ใช้เข้า–ออกโรงเรียนบ้านเกาะอาดัง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และชายหาด ซึ่งใช้จอดเรือของชาวเลกว่า 250 ลำ การปิดกั้นเส้นทางจึงกระทบกับวิถีชีวิตชุมชนในหลายมิติ ชาวบ้านจึงออกมาเรียกร้องภาครัฐให้จัดการกับปัญหาดังกล่าว
พิชญา แก้วขาว กรรมการมูลนิธิชุมชนไท และผู้สังเกตการณ์ เล่ากับ The MATTER ว่า โรงเรียนมีทางเข้า–ออกได้ 2 ทาง แต่ทางนี้เป็นทางหลัก ขณะที่อีกทางจะปิดเมื่อเวลาเลิก หรือเป็นวันหยุดราชการ แต่โรงเรียนดังกล่าว เป็นพื้นที่ที่คนในชุมชนมีการใช้ประโยชน์ ที่มากไปกว่าแค่ให้นักเรียนใช้เล่าเรียน เช่น ใช้เดินทางไปรับลมทะเล ใช้พักผ่อนในที่กว้าง หรือไปออกกำลังในลานของโรงเรียน
นอกจากนี้ เส้นทางนี้ยังเป็นทางเข้า–ออกไปสู่ทะเล ซึ่งมีเรือของชาวบ้านจอดอยู่ประมาณ 250 ลำ ชาวบ้านจำเป็นต้องเข้าไปดูแลเรือ โดยเฉพาะช่วงฤดูมรสุม ที่มีโอกาสเสี่ยงสูงที่เรือจะล่ม นอกจากนี้ ยังเป็นเส้นทางขนอุปกรณ์ เครื่องมือประมง และเครื่องจับปลาของชาวบ้าน เพื่อลงทะเลด้วย
อย่างไรก็ดี ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน รีสอร์ตดังกล่าวได้มารังวัดที่ และพยายามทำประตูกั้นในวันรุ่งขึ้น เพื่อปิดเส้นทางการสัญจรดังกล่าวของชุมชน กลายเป็นกรณีพิพาทต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงในวันนี้ (13 ธันวาคม) เมื่อรีสอร์ตนำเหล็กมาเพื่อพยายามกั้นเพิ่มเติม ส่งผลให้เด็กนักเรียนลงมารวมตัวกันขัดขวาง เพื่อไม่ให้ทำประตูกั้น
ข้อเรียกร้องของชาวบ้านในขณะนี้คือ หนึ่ง ให้เปิดทางโดยไม่มีเงื่อนไข จากนั้น ให้มีการพิสูจน์ตรวจสอบเรื่องเอกสารสิทธิที่ดินใหม่ทั้งเกาะ เนื่องจากในขณะนี้ โรงเรียนกำลังถูกรุกล้ำ พิชญาเล่าว่า ตรงไหนที่ไม่มีอาคาร หรือไม่มีทางเดินขวาง ก็จะถูกรุกล้ำไปทั้งหมด
ในเรื่องนี้ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ช่วยปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ผู้แทนสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน และผู้แทนภาคประชาชน มีกำหนดลงพื้นที่ตรวจหาข้อเท็จจริง ในวันพุธที่ 14 ธันวาคมนี้
ขณะที่ อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็มีกำหนดจะเดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดสตูล เพื่อเป็นประธานหารือแก้ไขปัญหากรณีพิพาทเส้นทางสัญจรดังกล่าว ในวันที่พฤหัสบดี 15 ธันวาคมนี้ด้วย ซึ่งผลจะออกมาเป็นอย่างไร เราคงต้องติดตามการแก้ไขปัญหาต่อไปอย่างใกล้ชิด