นับเป็นข่าวใหญ่ของวงการวิทยาศาสตร์ เมื่อห้องปฏิบัติการ National Ignition Facility (NIF)ที่ Lawrence Livermore National Laboratory (LLNL) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ออกมายืนยันการเกิด ignition หรือได้พลังงานสุทธิจากพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชั่นเป็นครั้งแรก
ศาสตราจารย์คิม บูดิล (Kim Budil) ผู้อำนวยการของ LLNL กล่าวว่า “นี่เป็นความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ ในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา ผู้คนนับพันได้มีส่วนร่วมในความพยายามนี้ และต้องใช้วิสัยทัศน์ที่แท้จริงในการพาเรามาที่นี่”
นิวเคลียร์ฟิวชั่นถูกมองว่าเป็น ‘จอกศักดิ์สิทธิ์’ ของการผลิตพลังงาน เพราะเป็นกระบวนการที่เป็นแหล่งที่มาของพลังงานของดวงอาทิตย์ และดวงดาวอื่นๆ ซึ่งหากเราค้นหาวิธีที่จะเก็บเกี่ยวพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชั่นมาใช้ในเชิงพาณิชย์ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชั่น ก็เป็นไปได้สูงที่พลังงานฟิวชั่นนี้จะเป็นพลังงานสะอาดแห่งโลกอนาคต ช่วยแก้ปัญหาวิกฤตพลังงาน อีกทั้งกระบวนการผลิตยังไม่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกที่เป็นผลต่อปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย
แต่การจะทำให้เกิดปฏิกิริยาเช่นเดียวกับภายในใจกลางของดวงอาทิตย์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยสภาพแวดล้อมของโลกกับดวงอาทิตย์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งจุดนี้ถือเป็นความท้าทายของมนุษย์มาโดยตลอด เพราะการจะทำให้องค์ประกอบต่างๆ รวมกันเป็นฟิวชั่นนั้นต้องใช้อุณหภูมิและแรงดันที่สูงมาก
มติพล ตั้งมติธรรม นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์จากสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ อธิบายว่า เชื้อเพลิงฟิวชั่นนั้นจะต้องถูกทำให้เกิดความร้อนสูง 100 ล้านองศา ใกล้เคียงกับอุณหภูมิภายในใจกลางของดวงอาทิตย์ และเชื้อเพลิงจะต้องถูกกักเอาไว้ภายในปริมาตรบริเวณเล็กๆ ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยกักเก็บเชื้อเพลิงที่ร้อนมหาศาลเท่านั้น แต่ยังจำเป็นในการที่จะแน่ใจว่าอะตอมของไฮโดรเจนจะสามารถรวมตัวกันเพื่อเกิดปฏิกิริยาฟิวชั่นที่ต้องการได้
มติพลอธิบายอีกว่า อุปสรรคสำหรับพลังงานฟิวชั่น คือการหาวิธีที่จะกักเก็บพลาสมาร้อนของเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ฟิวชั่น ซึ่งที่ผ่านมามนุษย์สามารถทำให้เกิดปฏิกิริยาฟิวชั่นได้มานานแล้ว แต่ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นนั้น เกิดการสูญเสียพลังงานอย่างรวดเร็ว จึงใช้พลังงานเข้าไปมากเกินกว่าที่เชื้อเพลิงจะสามารถผลิตพลังงานออกมาได้
แต่แล้ว ห้องปฏิบัติการ NIF ก็สามารถทำให้เกิดพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชั่นมากเกินกว่าที่จ่ายเข้าไปภายในห้องทดลองได้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของมนุษย์ที่สามารถทำเช่นนี้ได้
แน่นอนว่า ยังต้องใช้เวลาอีกสักพักในการคิดค้น ทดลอง และค้นคว้าต่อ แต่จานลูกา เกรกอรี่ (Gianluca Gregori) ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์จาก University of Oxford กล่าวว่า ความสำเร็จในวันนี้ เป็นความร่วมมือจากการทำงานของเหล่านักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ จะถือเป็นการประตูกำลังเปิดสู่โลกของวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ อีกมากมาย
อ้างอิงจาก