ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนทวีตข้อความว่า ทนายได้รับแจ้งจากแพทย์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ว่า อาการของตะวันและแบมทรุดหนักอย่างน่าวิตก และขอให้พ่อแม่และทนายไปเยี่ยมในเช้าวันพรุ่งนี้ (6 กุมภาพันธ์) ให้ได้
ข้อความดังกล่าว มาจากทนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ซึ่งระบุว่า อาการของตะวัน—ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ แบม— อรวรรณ ภู่พงษ์ ทรุดหนักแล้ว ซึ่งวันนี้ (5 กุมภาพันธ์) ยังไม่มีแถลงจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ถึงอาการของทั้งสอง
The MATTER ติดต่อหาทนายกฤษฎางค์ เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ความว่า แพทย์โทรแจ้งพ่อและแม่ของทั้งสองในช่วงบ่ายที่ผ่านมา และให้พ่อแม่ติดต่อทนาย เพื่อขอเข้าเยี่ยม ซึ่งทนายกฤษฎางค์ระบุว่า การจะเข้าเยี่ยมได้นั้น ต้องไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก่อน เพื่อขออนุญาตกรมราชทัณฑ์ จึงจะสามารถเข้าเยี่ยมตะวันและแบมได้
อย่างไรก็ดี ข้อมูลล่าสุดเมื่อวานนี้ ทั้งคู่มีค่าโพแทสเซียมต่ำ (ตะวัน 3.3 ส่วนแบม 3.4), ค่าคีโตนซึ่งเป็นสารเคมีที่เกิดจากร่างกายผลาญไขมันเป็นน้ำตาล อยู่ในระดับผิดปกติ (ตะวัน 5.46 ส่วนแบม 5.47)
ค่าโพแทสเซียมที่ต่ำนี้ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ให้ความเห็นไว้ว่า มีผลกับการเต้นของหัวใจ อาจจะทำให้เต้นผิดจังหวะหรือหยุดเต้นได้ ซึ่งไม่รู้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ถ้าเกิดขึ้นจะทำให้กลับมาเต้นแบบเดิมหรือไม่ ขณะที่ภาวะคีโตนสูงคือร่างกายเอากล้ามเนื้อมาใช้แทนพลังงาน จึงปล่อยคีโตนที่ต้องกำจัดทางไตออกมาเยอะ ขณะที่ไตก็ต้องพยายามเก็บน้ำไว้เมื่อขาดสารอาหาร ทำให้คีโตนยิ่งคั่งในร่างกาย และเมื่อมีมากๆ ก็จะกระทบสมองและอวัยวะ
“ท้ายสุดร่างกายอาจจะรับไม่ไหวและช็อค ถ้าตอนนั้นแม้จะมีเส้นเดินรอแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน”
ขณะเดียวกัน ข้อความจากทนายกฤษฎางค์ ยังระบุว่า สิ่งที่ทั้งคู่เรียกร้อง ไม่ใช่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเลย การเอาชีวิตมาร้องขอต่อผู้มีอำนาจนั้น พวกเธอไม่ได้อะไรทั้งสิ้น
“ถ้าเราไม่โกหกตัวเอง ข้อเรียกร้องที่พวกเธอขอสิทธิประกันตัวมาสู้คดีนอกเรือนจำให้แก่คนอื่นนั้นมันเป็นสิทธิ เป็นหลักการที่กฎหมายรับรองไว้อย่างชัดเจน ซึ่งเรารู้กันดีอยู่แล้ว”
“เพียงแต่คุณ ‘ฟัง’ เขา คุณจะรู้ว่าสิ่งที่แบมและตะวันร้องขอมันเป็นหลักประกันสิทธิของพวกเราทุกคน ทั้งของคุณ ญาติพี่น้องคุณ ลูกหลานคุณ เพื่อให้ปลอดภัยจากการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมของรัฐ”
อ้างอิงจาก