โบกนิด สะบัดหน่อย แต่จะเสกร่ายคาถาอย่างไร ก็หนีไม่พ้นข้อถกเถียงที่เกิดขึ้น เมื่อเกม Hogwarts Legacy ที่สร้างขึ้นโดยอิงเรื่องราวตามวรรณกรรมก้องโลกอย่าง Harry Potter เปิดให้ผู้คนทั่วโลกได้ลองเล่นกันแล้ว แต่ว่าตัวผู้สร้างโลกเวทมนตร์อย่าง เจ.เค.โรว์ลิง กลับมีทัศนคติต่อต้านคนข้ามเพศ
เรื่องของ เจ.เค.โรว์ลิง กับการต่อต้านคนข้ามเพศนั้นเป็นประเด็นมานาน และจะวนเวียนกลับมาทุกครั้งที่โรว์ลิง ออกมาแสดงทัศนคติบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ หรือไม่ก็ในทุกครั้งที่มีการนำเรื่องราวเกี่ยวกับโลกเวทมนตร์มาเผยแพร่อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือปกไหม รายการโชว์พิเศษ หรือภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาอิงจาก Harry Potter
จึงไม่ใช่เรื่องที่คาดเดาไม่ได้ว่า เมื่อเกม Hogwarts Legacy เปิดแบบ early access ให้เล่นมาตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ จึงมีประเด็นเรื่องนี้กลับมาอีกครั้ง และในวันนี้ (10 กุมภาพันธ์) ที่เกมดังกล่าวได้เปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการ The MATTER เลยขอสรุปประเด็นที่เกิดขึ้นในช่วงนี้มาให้อ่านกัน
1. เริ่มจากคำถามที่ว่า เจ.เค.โรว์ลิง ต่อต้านทรานส์เจนเดอร์ หรือคนข้ามเพศจริงหรือเปล่า? ต้องย้อนกลับไปว่า ประเด็นนี้ เริ่มขึ้นครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2019 หลังจากที่มายา ฟอร์สเตเตอร์ (Maya Forstater) นักวิจัยที่ถูกองค์กร Center for Global Development ยุติสัญญาว่าจ้าง หลังจากที่ฟอร์สเตเตอร์ทวีตว่า “ผู้ชายไม่สามารถเปลี่ยนเป็นผู้หญิงได้หรอก”
จากนั้น โรว์ลิงก็ออกมาทวีตสนับสนุนฟอร์สเตเตอร์ โดยบอกว่า “จะแต่งตัวอย่างไรก็ได้ จะเรียกตัวเองว่าอะไรก็ได้ตามแต่ที่คุณชอบ จะนอนกับผู้ที่ยินยอมก็ไม่ผิด จะใช้ชีวิตที่ดีที่สุดของคุณอย่างสงบสุขและปลอดภัยแบบไหนก็ตาม แต่บังคับให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องออกจากงาน เพราะเธอพูดเรื่องจริงเกี่ยวกับเพศอย่างนั้นเหรอ? #IStandWithMaya #ThisIsNotADrill”
ข้อความดังกล่าวของโรว์ลิง ทำให้แฟนคลับเริ่มตั้งคำถามกับทัศนคติของนักเขียนชื่อดัง โดยมีหลายคนมารีพลายต่อในทวีตของเธอว่า อย่างข้อความจาก @tarastrong ที่กล่าวว่า “เมื่อคุณเป็นคนมีชื่อเสียง คุณต้องตระหนักอยู่เสมอว่าจะไม่เผยแพร่ข้อความที่อาจเต็มไปด้วยการตีตรา เกลียดชัง และขาดการยอมรับ เราสูญเสียเพื่อนที่เป็นทรานส์มาเยอะมาแล้วจากการฆ่าตัวตายและความรุนแรง ผู้หญิงทรานส์ก็คือผู้หญิง”
2. แล้วเรื่องราวก็เริ่มชัดเจนมากขึ้นในเดือนมิถุนายน 2020 เมื่อโรว์ลิงยกบทความของเว็บไซต์ Devex ที่ใช้คำว่า ‘คนที่มีประจำเดือน’ แทนคำว่า ‘ผู้หญิง’ ในพาดหัวบทความเรื่อง ‘การสร้างโลกหลัง COVID-19 ที่เท่าเทียมมากขึ้นสำหรับผู้ที่มีประจำเดือน’
ข้อความในทวีตของโรว์ลิง ระบุว่า “‘คนที่มีประจำเดือน’ ฉันมั่นใจว่า มันจะต้องเคยมีคำเรียกคนพวกนี้แน่ๆ ใครรู้ช่วยบอกที ผู้หยิง (Wumben) ปู้จิ๋ง (Wimpund) ผู้ฉิง (Woomud)”
ถ้อยคำของเธอ ทำให้แฟนคลับไม่พอใจ เพราะมองว่าคำกล่าวของ เจ.เค.โรว์ลิง เป็นการกีดกันชายข้ามเพศที่ยังมีประจำเดือนอยู่ ดังนั้น คำในบทความดังกล่าวที่ว่าครอบคลุมแล้ว บางคนก็กล่าวว่า โรว์ลิงทราบดีอยู่แล้วว่าชายข้ามเพศมีประจำเดือน เพราะแฟนคลับเตือนเธอหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่เธอก็ไม่ฟัง
เมื่อเจอกระแสโต้กลับ โรว์ลิงจึงออกมาทวีตอีกว่า “ถ้าเรื่องเพศกำเนิดไม่มีจริง ก็จะไม่มีการชอบเพศเดียวกัน [ในความหมายว่า ไม่สามารถแบ่งผู้ชายกับผู้หญิงออกจากกันให้ตรงตามรสนิยมได้ตั้งแต่แรก] และหากเพศกำเนิดไม่ใช่เรื่องจริง การมีอยู่ของผู้หญิง ทั่วโลกก็คงต้องสูญสลายหายไปด้วย ฉันรู้จักและรักคนข้ามเพศ แต่การลบแนวคิดเรื่องเพศ จะทำให้หลายคนไม่สามารถพูดคุยถึงชีวิตของพวกเขาอย่างมีความหมายได้ การพูดความจริงไม่ใช่ความเกลียดชัง”
คำกล่าวนี้ยิ่งทำให้เธอถูกวิจารณ์หนัก เพราะมันแปลความได้ว่า โรว์ลิงเชื่อว่าเพศกำเนิดย่อมเป็นของจริงแท้ยิ่งกว่าเพศสภาวะ
3. เหตุการณ์นี้ ทำให้นักเขียนสี่คนในเครือของโรว์ลิง ขอยื่นเรื่องลาออก เพราะไม่พอใจกับแนวคิดของนักเขียนชื่อดัง รวมถึง รับไม่ได้กับการที่บริษัทไม่ยอมออกแถลงการณ์เพื่อสนับสนุนสิทธิของคนข้ามเพศด้วย
นอกจากนี้ การกระทำของโรว์ลิง ก็ทำให้เหล่านักแสดงออกมาออกมาแสดงความคิดเห็นว่าไม่เห็นด้วยกับเธอ อย่างแดเนียล แรดคลิฟฟ์ (Daniel Radcliffe) ผู้รับบท แฮร์รี่ พอตเตอร์ กล่าวว่า “ผู้หญิงข้ามเพศก็คือผู้หญิง ความคิดเห็นที่แตกต่างจากนี้ คือการลบล้างตัวตน และศักดิ์ศรีของทรานส์เจนเดอร์ และต่อต้านคำแนะนำทั้งหมดที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้มากกว่า โจ (เจ.เค.โรว์ลิง) และผมเอง”
หรืออย่างเอดดี เรดเมน (Eddie Redmayne) ผู้รับบทเป็น นิวท์ สคามันเดอร์ จากเรื่อง Fantastic Beasts กล่าวว่า “ผู้หญิงทรานส์ก็คือผู้หญิง เช่นเดียวกับผู้ชายทรานส์ที่เป็นผู้ชาย และ non-binary ก็มีตัวตนอยู่จริงเช่นกัน”
4. ขณะที่ฝ่ายโรว์ลิงเอง ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อีกหลายกรณี อย่างเรื่องใน Troubled Blood หนังสือเล่มใหม่ที่มีตัวละครแต่งกายข้ามเพศเป็นฆาตรกร หรือกรณีที่เธอมักเผยแพร่บทความบนเว็บไซต์ของตัวเองที่แสดงถึงอคติต่อคนข้ามเพศอยู่เสมอ
หรือกระทั่งครั้งหนึ่งที่เธอเผยแพร่บทความแสดงทัศนคติของตัวเอง พร้อมด้วยแคปชั่นว่า “TERF war” (TERF หมายถึงกลุ่มเฟมินิสต์หัวรุนแรงที่กีดกันบุคคลข้ามเพศ และจะพุ่งเป้าไปยังคนข้ามเพศโดยเฉพาะ) ซึ่งยิ่งสะท้อนว่าตัวเธอมีแนวคิดที่เชื่อว่า คนข้ามเพศไม่มีวัน ‘ข้ามเพศ’ ได้ และจะยังถูกมองว่าเป็นเพศกำเนิดของตัวเองอยู่ร่ำไป
5. ยิ่งกว่านั้น ยังมีเหตุการณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2022 ที่โรว์ลิงสนับสนุนผู้ชุมนุมที่ต่อต้านกฎหมายข้ามเพศในสกอตแลนด์ โดยกฎหมายดังกล่าวจะช่วยให้ผู้คนได้รับการยอมรับทางกฎหมายว่า ตัวเขาหรือเธอเหล่านั้นเป็น ‘เพศ’ ตามที่ตัวเองต้องการได้ง่ายขึ้น – ซึ่งโรว์ลิงต่อต้านกฎหมายนี้ เพราะมองว่าอาจมีคนปลอมเป็นคนข้ามเพศไปทำร้ายผู้หญิงโดยกำเนิดได้
นอกจากนี้ ในปีเดียวกันนั้น เธอยังเปิดศูนย์วิกฤตสำหรับผู้รอดชีวิตจากการข่มขืนและการล่วงละเมิดทางเพศในสกอตแลนด์ ซึ่งศูนย์ดังกล่าวปฏิเสธการให้บริการแก่ผู้หญิงข้ามเพศ และกีดกันไม่ให้มีคนข้ามเพศมาทำงานที่ศูนย์แห่งนี้
ยังไม่รวมว่า โรว์ลิงเคยออกมาแสดงความคิดเห็นเชิงเยาะเย้ยกลุ่มคนที่เป็นทรานส์ และผู้ที่เห็นแย้งกับเธอว่า ถ้าเกลียดเธอก็ขอให้ว่าอย่ามาติดตามผลงานใดๆ ของเธอ เพราะสุดท้ายแล้ว เงินก็จะเข้ากระเป๋าโรว์ลิงอยู่ดี
6. ขณะเดียวกัน ตลอดเวลาที่มีประเด็นของโรว์ลิง ในโลกโซเชียลก็มีการถกเถียงกันว่า เราควรจะสนับสนุนโรว์ลิงต่อไปดีไหม แม้ว่าจะมีกลุ่มแฟนคลับรายใหญ่จำนวนมาก ที่ยืนยันว่าจะรักโลกเวทมนตร์ต่อไป แต่จะไม่เอ่ยถึงหรือให้เครดิตใดๆ กับโรว์ลิงอีก
แต่ก็มีฝ่ายที่มองว่า อย่างไรก็ไม่ควรชื่นชอบต่อหรือเปล่า ในเมื่อโรว์ลิงก็นำเงินของตัวเอง (ซึ่งเป็นรายได้ที่มาจากค่าลิขสิทธิ์ Harry Potter) ไปสนับสนุนกลุ่มที่กีดกันคนข้ามเพศอยู่เสมอ ดังนั้นแล้ว เงินที่เหล่าแฟนคลับจ่ายเพื่อซื้อสิ่งของใดๆ ที่ติดลิขสิทธิ์ Harry Potter ก็เท่ากับการมอบเงินให้เธอไปต่อต้านทรานส์เจนเดอร์ต่อไปหรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นหนังสือปกใหม่ อาร์ตทอย หรือสินค้าใดๆ ก็ตาม
7. กลับมาที่เกม Hogwarts Legacy ซึ่งเปิดให้เล่นแบบ early access มาตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้คำถามเรื่องการสนับสนุนโรว์ลิงกลายเป็นประเด็นอีกครั้งไปทั่วโลก บางคนให้คำมั่นว่าจะบอยคอตเกมนี้ ในขณะที่อีกหลายคนก็ยอมรับ หรือมองว่าก็เป็นสิทธิ์ของตนที่จะเล่นเกมนี้เช่นกัน
ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากเจสสิกา เอิร์ล (Jessie Earl) ผู้วิจารณ์เกมข้ามเพศทวีตว่าการสนับสนุน Hogwarts Legacy นั้น ‘เป็นสิ่งที่อันตราย’ โรว์ลิงก็โต้กลับว่า ‘เป็นความคิดที่ไร้เดียงสา’
ขณะที่เพอร์ซีย์ แรนสัน (Percy Ranson) นักวิจารณ์เกมที่เป็นคนข้ามเพศกล่าวว่า “หากคุณซื้อเกมนี้ — หากคุณชมเชยและสนับสนุนให้ผู้อื่น ‘สนับสนุนผู้พัฒนา’ หรือ ‘ปฏิบัติต่อตัวเองด้วยความรู้สึกผิด’ การตัดสินใจของคุณจะเป็นอันตรายต่อชุมชนคนข้ามเพศ”
8. คำถามนี้ถูกถกเถียงกันมากขึ้นในวงกว้าง เมื่อเกมเมอร์หันมาสตรีมเกมดังกล่าว อย่างกรณีของ GirlfriendReviews ที่ถูกถล่มช่องแชทในระหว่างสตรีมเกม Hogwarts Legacy โดยบอกว่า สตรีมเมอร์เป็นพวกหัวดื้อและชอบโต้เถียงกับคนอื่น ซึ่งแม้ว่าผู้สตรีมจะเปลี่ยนช่องแชทไปเป็นแบบให้เฉพาะคนที่ติดตามพวกเขาเท่านั้น แต่คอมเมนท์ต่างๆ ก็ยังคงดำเนินต่อไป
ก่อนหน้านี้ สองสตรีมเมอร์ช่อง GirlfriendReviews เคยโพสต์ว่าพวกเขาได้ early access ของเกมนี้มา และจะเล่นเกมนี้นะ ทำให้มีหลายคนเข้าไปเตือนแกมขอร้องว่า อย่าเล่นเกมนี้เลย เพราะการกระทำของโรว์ลิงส่งผลร้ายต่อชุมชนคนข้ามเพศจริงๆ
อย่างไรก็ดี GirlfriendReviews ยังประกาศว่าจะบริจาครายได้จากการสตรีมให้กับ The Trevor Project ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งเน้นการป้องกันการฆ่าตัวตายสำหรับ LGBTQ+ และเป็นองค์กรเดียวกับที่แรดคลิฟฟ์ใช้สื่อสารความคิดเห็นของตัวเอง เพื่อต่อต้านความคิดของโรว์ลิงเช่นกัน
9. สำหรับในไทย ประเด็นนี้เป็นกระแสหนักเมื่อ Heartrocker หรือ เอก สตรีมเมอร์ชื่อดังเล่นเกมนี้ และโพสต์ลงเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากนั้น ผู้คนในโซเชียลบางส่วนก็วิพากษ์วิจารณ์ว่า การเล่นเกมนี้ถือเป็นการสนับสนุนโรว์ลิงซึ่งเป็น TERF และการที่สตรีมเมอร์ชื่อดังมาเล่นเกมนี้ ก็จะยิ่งทำให้คนไปสนับสนุนโรว์ลิงหรือเปล่า
10. ประเด็นนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (9 กุมภาพันธ์) เอกเปิดไลฟ์สตรีมพร้อมกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยอธิบายว่า ตัวเขาไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่อง Harry Potter เลย และไม่ได้ติดตามข่าวของโรว์ลิงด้วย แต่หลังจากที่รับรู้เหตุการณ์ของนักเขียนชื่อดัง เอกก็มองว่า การกระทำของโรว์ลิงเป็นเรื่องที่หนักหนา และไม่อาจสนับสนุนได้จริง
“ถ้าติดตามผมมา ต้องรู้ว่า เรื่องความเท่าเทียมทางเพศ ผมปกติกับมันมาก ไม่ว่าจะเป็นตัวละครไหนในเกม ไม่ว่าเพศไหนกับเพศไหน”
“ผมรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้? เอาตรงๆ ผมเสียดาย ถึงแม้ผมจะไม่ได้ตามโลกแฮร์รี่ แต่ความดังของมันทำให้ผมรู้ว่า น่าจะมีหลายคนที่ชื่นชอบ ผมเลยเสียดายแทนที่คนที่สร้างโลกนี้ขึ้นมาดันมีมายด์เซ็ทแบบนี้ และผมคิดว่าแฟนๆ แฮร์รี่น่าจะหนักเอาการอยู่ น่าจะเสียใจมาก”
“สำหรับผม ผมไม่เคยตามมาก่อน แต่ผมคิดว่า ผมไม่น่าจะไปสนับสนุนหนังสือ หนัง ซึ่งหนังผมขี้เกียจดูอยู่แล้ว ยิ่งรู้เรื่องนี้ผมก็คงไม่ไปอะไรแล้ว แล้วยิ่งหนังสือ อันนั้นง่ายเลย เพราะผมเป็นพวกขี้เกียจอ่านอยู่แล้ว (หัวเราะ)”
สำหรับเกม Hogwarts Legacy เอกอธิบายว่า ตัวเองเสียเงินไปแล้ว ซึ่งเกมนี้เองก็มีทุกอย่างที่ตัวเขาสนใจ แต่ก็ไม่ว่ากันหากใครจะไม่ซื้อ หรือไม่ดูเกมที่เขาเล่นเช่นกัน ทั้งยังตั้งคำถามว่า โรว์ลิงได้เงินค่าลิขสิทธิ์จากเกมนี้เท่าไหร่ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเกมขนาดไหน
ไม่เพียงเท่านั้น เอกยังกล่าวผ่านไลฟ์สตรีมว่า เขาจะฟ้องร้องคนที่กล่าวหาเสียๆ หายๆ และได้ฝากฝังให้คนใกล้ชิดช่วยเหลือดำเนินการทางกฎหมายกับเรื่องนี้แล้ว
11. คำถามที่ว่า โรว์ลิงมีส่วนกับการพัฒนาเกมขนาดไหน? เว็บไซต์ของ Hogwarts Legacy ระบุคำตอบไว้ว่า “โรว์ลิงไม่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างเกม แต่ในฐานะผู้สร้างโลกพ่อมดแม่มดและหนึ่งในนักเล่าเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก งานเขียนที่ไม่ธรรมดาของเธอคือรากฐานของโปรเจ็กต์ทั้งหมดในโลกพ่อมดแม่มด นี่ไม่ใช่เรื่องราวใหม่จากโรว์ลิง อย่างไรก็ตาม เราได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับทีมของเธอในทุกด้านของเกมเพื่อให้แน่ใจว่ายังคงเป็นไปตามประสบการณ์มหัศจรรย์ที่แฟนๆ คาดหวัง
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีรายงานที่ชัดเจนว่า โรว์ลิงจะได้รับเงินจากเกมนี้มากน้อยเพียงใด เพราะทางโฆษกของโรว์ลิงเอง ก็ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
12. กลับมาที่ข้อถกเถียงจากเรื่องสตรีมเมอร์ หลังจากที่เอกออกมากล่าวถึงความคิดเห็นของตัวเองกับเรื่องดังกล่าว ก็มีกระแสแตกออกไปอีกหลายทาง
- บางคนวิจารณ์แฟนคลับที่ปกป้องเอกจนเกินพอดี และกลายเป็นการไป ‘ฟอกขาว’ โรว์ลิง ซึ่งมีทัศนคติแบบ TERF ด้วย
- บางคนวิจารณ์ว่าการด่าทอหรือพูดจาให้ร้ายคนอื่น เป็นสิ่งที่กระทำไม่ได้ และเห็นด้วยว่าควรที่จะฟ้องร้องคนที่กล่าวเสียๆ หายๆ
- บางคนวิจารณ์แฟนคลับที่ไปเน้นเรื่องการฟ้องร้องของเอกมากเกินไป จนลืมสนใจสิ่งสำคัญว่า เอกก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของโรว์ลิงเช่นกัน
13. นอกจากนี้ เกม Hogwarts Legacy ยังมีประเด็นว่า มีตัวละครที่เป็นหญิงข้ามเพศชื่อซีโรน่า ไรอัน (Sirona Ryan) ซึ่งเรียกความสนใจให้ผู้คน เพราะทัศนคติของโรว์ลิง บางคนมองว่านี่เป็นการแสดงออกว่าสนับสนุนคนข้ามเพศของโรว์ลิงแล้วหรือเปล่า
ขณะที่อีกฝ่ายก็มองว่า นี่ไม่ใช่ไอเดียของโรว์ลิงแน่นอน เพราะโรว์ลิงแสดงออกชัดเจนกับเรื่องคนข้ามเพศ และตัวเธอเองก็ไม่ได้ออกมาพูดอะไรในเรื่องนี้ด้วย
ประเด็นนี้ ตัวแทนผู้พัฒนาเกม กล่าวว่า “ทีมงานรู้สึกว่าการสร้างเกมที่เป็นตัวแทนของโลกที่หลากหลายของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นสิ่งสำคัญมาก เช่นเดียวกับกลุ่มคนที่เล่นเกม ซึ่งรวมถึงชุมชน LGBTQIA+”
14. ข้อถกเถียงเรื่องการเล่นเกม Hogwarts Legacy ถือเป็นส่วนหนึ่งใน cancel culture หรือการไม่สนับสนุนคนมีชื่อเสียงจากการกระทำที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเริ่มมาจากมูฟเมนต์ #MeTooและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายที่สุดจากบริบทและภาษาที่คนผิวดำนำมาใช้ในมูฟเมนต์ Black Lives Matter (BLM)
คาดว่า เมื่อเกมเปิดให้ผู้คนได้เล่นอย่างเป็นทางการแล้ว กระแสการวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นดังกล่าว คงเป็นที่ถกเถียงไปเรื่อยๆ และเมื่อมีเรื่องราวเกี่ยวกับโลกเวทมนตร์กลับมาอีกครั้ง ประเด็นของโรว์ลิง ทรานส์เจนเดอร์ และคำถามว่า ควรจะสนับสนุนนักเขียนผู้สร้างโลกเวทมนตร์ต่อไปหรือไม่ ก็คงวนกลับมาอีกเช่นกัน
อ้างอิงจาก