วันนี้ (25 กุมภาพันธ์) ทนายความของตะวัน—ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และแบม—อรวรรณ ภู่พงษ์ ชี้แจงอาการของทั้งคู่ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของตะวันหลังจากที่ทั้งสองเดินทางออกจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ไปอดอาหารต่อที่หน้าศาลฎีกา (ลานอากงสนามหลวง) ไว้ว่าทั้งคู่ถอดสายน้ำเหลือที่ใช้ให้สารน้ำจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์แล้ว
ในขณะนี้ ทั้งคู่ต้องใช้วิธีการจิบสารน้ำเพื่อพยุงชีวิต เนื่องจากการเจาะสายน้ำเกลือขณะอยู่บนถนนเพื่อให้สารน้ำมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อ แต่หากไม่ได้สารน้ำดังกล่าว ก็จะทำให้ทั้งคู่มีอาการเข้าขั้นวิกฤตและเสียชีวิตได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุจากการขาดเกลือแร่บางตัว ภาวะเลือดเป็นกรด ไตวาย ฯลฯ โดยทั้งคู่มีอาการเหนื่อยล้าและเพลียมาก แต่ยังโต้ตอบได้ มีสติรู้ตัวดี
ทั้งคู่อธิบายว่าในขณะที่ร่างกายเกิดอาการวิกฤตที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ต้องรับสารน้ำเพื่อป้องกันการเสียชีวิต โดยทั้งสองคนได้รับสารน้ำทางหลอดเลือด ที่มีการคำนวณค่าพลังงานที่เหมาะสมสำหรับสภาวะที่ต้องเฝ้าระวังเรื่อง Refeeding syndrome ซึ่งสภาวะนี้เป็นผลที่เกิดมาจากการที่พวกเธออดอาหารอย่างรุนแรงมาเป็นเวลานาน ทำให้ในตอนนี้ชีวิตของทั้งสองคนจะมีความเสี่ยงไม่ว่าจะได้รับพลังงานที่มากหรือน้อยเกินไป
ตะวันและแบมแจ้งว่า ทั้งสองคนยังมีเจตจำนงที่จะอดอาหารและน้ำเพื่อต่อสู้อยู่ และยืนยันว่าจะไม่รับการรักษาแต่อย่างใด จนกว่าศาลจะรับฟังข้อเรียกร้อง โดยพวกเธอยืนยันว่าการจิบสารน้ำ เป็นไปเพื่อให้มีชีวิตต่อสู้ได้ต่อไปแต่ไม่ได้เป็นการทำให้สุขภาพดี
จากการสอบถามผู้ดูแลพบว่า เนื่องจากการอดอาหารและน้ำมาเป็นเวลานาน ตะวันและแบมไม่สามารถจิบของเหลวได้เท่าไร เพราะการจิบน้ำทำให้ทั้งคู่เกิดความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน ซึ่งจะทำให้ร่างกายขาดน้ำเหนื่อยล้า เลือดเป็นกรด และไตวายได้ในที่สุด
โดยในวันแรกของการจิบสารน้ำ ตะวันและแบมจิบน้ำได้ประมาณหนึ่งในสามของที่แพทย์ได้แนะนำไว้เท่านั้น และมีอาการหน้ามืด ตาลาย เวียนหัว ขาอ่อนแรงปวดท้องและทุกข์ทรมานอยู่ตลอดเวลา
ตะวันและแบมกล่าวกับทนายความว่า พวกเธอมีกำลังใจดีเยี่ยม และพวกเธอยังพยายามมองหาหนทางในการยกระดับการต่อสู้อยู่ เพื่อจะสามารถยกระดับต่อไปได้หากศาลไม่รับฟังและตอบสนองต่อข้อเรียกร้อง ซึ่งตอนนี้ยังไม่ทราบว่า พวกตนจะยกระดับการต่อสู้อย่างไร แต่ขอรอฟังคำสั่งศาลซึ่งคาดว่าน่าจะออกในวันสองวันนี้ แต่หากยังไม่มีคำสั่งใด พวกเธอก็จะพิจารณาว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ตะวันได้ยืนยันว่า “ตอนที่พวกหนูคิดแผนการนี้ขึ้นมา พวกเราจินตนาการจุดจบไว้แค่สองทาง”ส่วนแบมเล่าว่าเธอรู้สึกแปลกใจ ที่การเดินทางมาถึงไม่มีผู้ขัดขวาง และได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังขอขอบคุณมวลชนที่ไปให้กำลังใจ คอยดูแลความปลอดภัยและรักษาความสงบเรียบร้อยซึ่งทำให้พวกเธอรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น และขอขอบคุณสังคมและทุกๆ คนที่มาร่วมยืนหยุดขังที่ลานหน้าศาลฎีกา สนามหลวงเพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเธอไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ทำให้มีกำลังใจในการที่จะสู้ต่อไปเพื่อให้ประเทศไทยมีสิทธิของผู้ต้องหาและจำเลยในคดีอาญาอย่างแท้จริง
“หนูรู้สึกว่าเดี๋ยววันจันทร์มาถึง พวกเขาก็จะต้องเข้ามาทำงานผ่านประตูตรงนี้ที่เราสองคนนอนอยู่ เขาอาจจะทำเป็นไม่เห็นหนูก็ได้ แต่หนูก็ยังอยู่ตรงนี้ พวกเรายังอยู่ตรงนี้” แบมกล่าวทิ้งท้าย
อ้างอิงจาก