ประเด็นเรื่องฝุ่นควันกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง หลังกฤตไท ธนสมบัติกุล ที่หลายคนรู้จักจากการเล่าประสบการณ์การเป็นมะเร็งปอด ในวัย 28 ปี ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจสู้ดิว ในวันนี้ (2 มีนาคม) ตั้งคำถามถึงการแก้ไขที่ไม่จริงจังของหน่วยงานรัฐ ซึ่งอาจส่งผลให้เด็กเสี่ยงเจ็บป่วยในอนาคต
โดยข้อความดังกล่าวได้เล่าถึง ปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือว่า “เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับค่าฝุ่น 186 ในห้องที่กำลังรอรับการฉายแสงครับ”
“ผมก็ไม่ได้บอกว่า ฝุ่นควันในเชียงใหม่เป็นปัจจัยเดียวที่ทำให้ผมเป็นมะเร็งหรอกครับ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีผล ปัจจุบันผลการศึกษามากมาย มันพิสูจน์มาหมดแล้วครับ พวกตัวเลขค่าฝุ่นเท่านี้เทียบเท่ากับการสูบบุหรี่กี่มวนอะไรแบบนี้ ลองหาข้อมูลได้เลย”
นอกจากนี้ กฤตไทยังเล่าถึงอาการในปัจจุบันของเขา ที่ไม่สู้ดีนัก กำลังเข้ารับการรักษาด้วยการฉายแสง หลังพบมะเร็งในสมองก้อนใหม่ “เวลาของผมเหลือน้อยลงทุกทีแล้วครับ” จึงอยากใช้ช่วงเวลาการรักษาตัวสะท้อนปัญหา ฝุ่น PM 2.5 ที่เขาเองกก็เคยละเลยครั้งที่ยังคงเล่นกีฬากลางแจ้งอยู่
“ผมก็มองว่าร่างกายผมเนี่ยก็น่าจะฟิตอยู่แหละ เราไปออกกำลังกายได้ฝึกปอดฝึกหัวใจ สูดฝุ่นหน่อย ก็หักล้างกันไป ไม่เป็นไรหรอก คนอื่นก็สูดกัน ไม่เป็นไรหรอกน่า แล้วผมก็เป็นมะเร็งปอดครับ”
จึงเป็นที่มาให้เขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้กับโรคมะเร็ง ทั้งติดเครื่องฟอกอากาศ ทำห้องความดันบวก เพื่อให้อากาศมันสะอาดจริงๆ นั่นจึงเป็นเหตุผลของการตั้งคำถามว่า “มันเป็นความรับผิดชอบของประชาชนจริงหรือไม่ ที่ต้องแบกรับค่าหน้ากาก ค่าเครื่องฟอก ประชาชนหลายอาชีพเองก็ไม่ได้สะดวกพอที่จะหลีกเลี่ยงฝุ่นอันตรายนี้ ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะติดตั้งเครื่องมือที่จะเพิ่มคุณภาพอากาศที่พวกเขาต้องหายใจเข้าไปทุกวันนี้”
เราต้องเป็นประชาชนที่อยู่ในประเทศที่ต้องซื้ออากาศหายใจจริงๆเหรอ? เป็นคำถามหนึ่งในโพสต์ดังกล่าว ทั้งยังแสดงความเป็นห่วงเด็กเล็กที่อาจเจ็บป่วย และยังต้องดำเนินชีวิตต่อไปอีกนาน
โดยจากการตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ของ IQAir ในเวลา 11.30 น. โดยประมาณพบว่า ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ มีค่าดัชนีฝุ่นละอองสูงถึง 186 ซึ่งอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
อ้างอิงจาก