ความพยายามในการหาผู้รับผิดชอบ จากเหตุสลายการชุมนุมของกลุ่มราษฎรหยุด APEC2022 เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 อย่างรุนแรง จนทำให้มีสื่อมวลชนที่ไปรายงานข่าวได้รับบาดเจ็บหลายราย ต้องเผชิญกับข้อจำกัด
อธิบายก่อนว่า กรณีสื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บจากเหตุสลายการชุมนุมโดยตำรวจควบคุมฝูงชน หรือ คฝ. ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรกๆ ระหว่างปี 2563-2564 มีสื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บจากการใช้อุปกรณ์ควบคุมฝูงชน เช่น รถฉีดน้ำแรงดันสูง กระสุนยางและแก๊สน้ำตานับสิบคน กระทั่งมีการฟ้องคดีเรียกค่าเสียหายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ต่อศาลแพ่ง จากเหตุสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ3683/2564 (คดีกระสุนยาง) และศาลมี ‘คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว’ ให้ตำรวจสลายหรือควบคุมการชุมนุมโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของสื่อมวลชน
หลังเกิดเหตุสลายการชุมนุมของกลุ่มราษฎรหยุด APEC2022 อย่างรุนแรง ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย รายงานว่ามีสื่อมวลชนอย่างน้อย 4 คนได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติงานของตำรวจ คฝ. ทีมทนายความคดีกระสุนยางก็ยื่นคำร้องขอให้ศาลแพ่งเรียกตัวแทน สตช. มาไต่สวนว่าได้ปฏิบัติตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวนั้นหรือไม่
เดิมศาลแพ่งนัดไต่สวนคำร้องนี้ ในวันที่ 17 มกราคม 2566 แต่ฝ่าย สตช. ขอเลื่อนไปก่อนเนื่องจากต้องการเวลาตระเตรียมเอกสาร จึงมานัดหมายอีกครั้งเป็นวันที่ 1 มีนาคม 2566 พร้อมกับส่งคำคัดค้านคำร้อง จำนวน 277 หน้า
เมื่อถึงวันที่นัดหมาย ผู้พิพากษาของศาลแพ่งได้อ่านคำสั่งงดการไต่สวนพยาน และให้ ‘ยกคำร้อง’ ขอให้เรียกตัวแทน สตช. ถึงเหตุสลายการชุมนุมของกลุ่มราษฎรหยุด APEC2022 ที่ทำให้มีสื่อมวลชนหลายรายได้รับบาดเจ็บ โดยให้เหตุผลว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 กับเหตุการณ์ต้นทางของคดีกระสุนยาง “เป็นเหตุการณ์ต่างคราวต่างวาระต่างสถานที่” ซึ่งหากสื่อมวลชนที่ได้รับบาดเจ็บต้องการหาคนรับผิดชอบไม่ว่าจะทางอาญาหรือทางแพ่ง สามารถใช้สิทธิไปฟ้องร้องเป็นคดีใหม่ได้
ทั้งนี้ การสลายการชุมนุมของกลุ่มราษฎรหยุด APEC2022 ซึ่งตำรวจ คฝ. ปฏิบัติงานอย่างรุนแรงจนทำให้ทั้งสื่อมวลชนและผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ แม้จะมีการร้องเรียนให้หลายๆ หน่วยงานช่วยตรวจสอบ ทั้งศาลแพ่ง คณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รวมไปถึงกองบัญชาการตำตรวจนครบาล (บช.น.) ก็ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง (มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเฉยๆ ไม่ใช่พิจารณาบทลงโทษหรือหามาตรการเยียวยาผู้เสียหาย)
ทว่าถึงปัจจุบันยังไม่มีตำรวจ คฝ. หรือนายตำรวจระดับสูงรายใดออกมารับผิดชอบ