ถ้าใครยังพอจำได้ว่าเมื่อเดือนที่แล้ว (15 มีนาคม) NASA ออกมาเปิดตัวชุดอวกาศที่ได้แรงบันดาลใจจากซีรีส์ไซไฟเพื่อภารกิจการเยือนดวงจันทร์ และล่าสุด NASA ออกมาเผยโฉมหน้าของนักบินอวกาศที่จะเป็นตัวแทนในภารกิจการสำรวจรอบดวงจันทร์อีกครั้ง นับตั้งแต่ยานอวกาศอะพอลโล (Apollo) ไปสำรวจดวงจันทร์เมื่อปี 1972 หรือเมื่อ 50 ปีมาแล้ว
เมื่อวันจันทร์ (3 เมษายน) ที่ผ่านมา NASA เปิดเผยนักบินอวกาศที่จะเป็นตัวแทนทำภารกิจสำรวจดวงจันทร์ในรอบ 5 ทศวรรษ ซึ่งภารกิจนี้เรียกว่า อาทีมิส 2 (Artemis II) โดยนักบินอวกาศทั้ง 4 คนได้แก่ เรด ไวส์แมน (Reid Wiseman), วิคเตอร์ โกเวอร์ (Victor Glover), คริสติน่า ค็อค (Christina Koch) ซึ่ง 3 คนแรกมาจาก NASA แต่มีเพียง เจเรมี แฮนเซน (Jeremy Hansen) ที่มาจาก องค์การอวกาศแคนาดา (Canadian Space Agency)
โดยทาง NASA มีการบอกเล่าประวัติคร่าวๆ ของนักบินอวกาศแต่ละคนอีกด้วย
– ไวส์แมน เป็นนักบินนาวิกโยธินและนักบินทดสอบวัย 47 ปี ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นนักบินอวกาศของ NASA ครั้งแรกในปี 2009 ซึ่งเขาจะทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการภารกิจอาทีมิส 2
– โกลเวอร์ เป็นชายเชื้อสายอเมริกัน-แอฟริกัน โดยเข้าประจำการในกองทหารหลายกองในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษที่ 2000 และสำเร็จการฝึกนักบินทดสอบกับกองทัพอากาศสหรัฐฯ และได้เข้าร่วมเป็นนักบินอวกาศของ NASA ในปี 2013 โดยเขากล่าวว่า “เราต้องเฉลิมฉลองช่วงเวลานี้ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ… เพราะภารกิจนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะพามนุษยชาติไปสู่ดาวอังคาร”
– แฮนเซน วัย 47 ปี เป็นนักบินขับไล่ที่ได้รับเลือกจากองค์การอวกาศแคนาดาสำหรับการฝึกนักบินอวกาศในปี 2009 ซึ่งเขาถือเป็นชาวแคนาดาคนแรกที่ได้เดินทางไปยังห้วงอวกาศ
– ค็อค ผู้หญิงวัย 44 ปี เดินทางไปอวกาศมาแล้ว 6 ครั้ง ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังครองสถิติผู้หญิงที่อยู่ในอวกาศด้วยตัวคนเดียวนานที่สุด โดยใช้เวลาทั้งหมด 328 วัน และยังเป็นวิศวกรไฟฟ้าที่จะช่วยพัฒนาเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์สำหรับภารกิจต่างๆ ของ NASA
อย่างไรก็ดี ภารกิจอาทีมิส 2 คือภารกิจที่สานต่อจาก อาทีมิส 1 ซึ่งเป็นภารกิจทดสอบแบบไร้ลูกเรือ แล้วถ้าหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน จะทำให้ภารกิจอาทีมิส 2 มีโอกาสจะดำเนินการประมาณเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 10 วัน โดยภารกิจนี้อาจจะเป็นครั้งแรกที่มนุษย์สามารถเดินทางไกลที่สุดเท่าที่เคยทำมาในอวกาศตามประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ถึงแม้ว่าระยะทางการเดินทางที่แน่นอนยังไม่ได้รับการเปิดเผยก็ตาม
“ระยะทางที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับวันที่ยานอวกาศเดินทาง และระยะทางสัมพัทธ์ของดวงจันทร์จากโลกในเวลาระหว่างทำภารกิจ” แคธริน แฮมเบิลตัน (Kathryn Hambleton) โฆษก NASA กล่าว ซึ่งอธิบายง่ายๆ ก็คือ ในตอนนี้ยังไม่ทราบว่าภารกิจนี้จะสามารถทำลายสถิติได้ไหม ต้องดูหลายๆ ปัจจัยอีกครั้งหนึ่งในระหว่างการทำภารกิจ
นอกจากนี้ มีหลายคนสังเกตว่า ภารกิจนี้แสดงออกถึงความหลากหลาย เพราะมีทั้งชายและหญิง รวมทั้งยังมีคนดำอีกด้วย แทนที่จะมีเพียงชายผิวขาวเท่านั้นที่มีโอกาสได้ทำภารกิจยิ่งใหญ่เหล่านี้อย่างที่เคยเป็นมาในอดีต
ทั้งนี้ หลังจากยานอวกาศโคจรรอบดวงจันทร์เสร็จสิ้น ก็จะเดินทางกลับมายังโลก โดยการลงจอดในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งคาดว่าภารกิจอาทีมิส 2 จะปูทางไปสู่ภารกิจอาทีมิส 3 ที่จะดำเนินการในช่วงปลายทศวรรษนี้และ NASA ยังให้สัญญาว่าจะส่งผู้หญิงและคนที่มีผิวสีเข้ม ดำ เดินทางไปยังดวงจันทร์และเหยียบบนพื้นผิวของมันอีกครั้งให้ได้ ซึ่งภารกิจนี้ถูกกำหนดเป้าหมายการเดินทางไว้ในปี 2025 เป็นอย่างต่ำ
อ้างอิงจาก